พุทราจีน สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันในมุมมองของการแพทย์แผนจีนและการแพทย์แผนปัจจุบัน

Last updated: 7 ต.ค. 2568  |  117 จำนวนผู้เข้าชม  | 

พุทราจีน สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันในมุมมองของการแพทย์แผนจีนและการแพทย์แผนปัจจุบัน

พุทราจีน (Red Date / Chinese Jujube, ชื่อวิทยาศาสตร์ Ziziphus jujuba) ภาษาจีนเรียก ต้าเจ่า (大枣) เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนานในวัฒนธรรมจีนและเอเชียตะวันออก พุทราจีนไม่ได้เป็นเพียงผลไม้แห้งที่ใช้ปรุงอาหารหรือชงชาเท่านั้น แต่ยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มสมุนไพรที่มีคุณค่าทางยาในศาสตร์การแพทย์แผนจีน และปัจจุบันมีงานวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่ยืนยันถึงคุณสมบัติหลายประการ โดยเฉพาะด้าน การเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพในยุคที่ร่างกายต้องเผชิญกับความเครียด มลพิษ และโรคติดเชื้อที่หลากหลาย

มุมมองในทางการแพทย์แผนจีน

ในตำราสมุนไพรจีนโบราณได้บันทึกสรรพคุณของพุทราจีนไว้ว่า มีรสหวาน อุ่นเล็กน้อย เข้าสู่เส้นลมปราณม้าม กระเพาะอาหารและหัวใจ มีคุณสมบัติ บำรุงชี่ บำรุงเลือดและสงบจิตใจ

 1. เสริมพลังชี่

  การแพทย์แผนจีนมองว่า “ชี่” คือพลังพื้นฐานที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวและดำรงอยู่ อีกทั้งช่วยต่อต้านปัจจัยก่อโรคจากภายนอก หากพลังชี่อ่อนแอ ร่างกายจะเหนื่อยง่าย ติดเชื้อง่าย และฟื้นตัวช้า ทั้งยังช่วยบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของชี่และเลือด เมื่อม้ามแข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานได้ดีขึ้น

2. บำรุงเลือด

เลือดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกาย เป็นตัวกลางในการนำพาพลังชี่และสารจำเป็นต่างๆไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ

3. ช่วยปรับสมดุลจิตใจ

  ในการแพทย์แผนจีนเชื่อว่า พุทราจีนมีฤทธิ์สงบจิตใจ เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเครียด วิตกกังวล ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “หัวใจ” และ “ตับ” ตามหลักศาสตร์การแพทย์แผนจีน 

มุมมองในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

ปัจจุบันมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนประโยชน์ของพุทราจีน โดยพบว่าสารสำคัญหลายชนิดมีบทบาทในการกระตุ้นและปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน

 1. สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ

  พุทราจีนอุดมไปด้วย โพลีแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซาโปนิน (Saponins) วิตามินซี และแร่ธาตุ โพลีแซ็กคาไรด์ มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกัน เช่น แมคโครฟาจ (Macrophages) และลิมโฟไซต์ (Lymphocytes)

 2. การเสริมภูมิคุ้มกัน

งานวิจัยในสัตว์ทดลองและการศึกษาห้องปฏิบัติการพบว่า สารสกัดจากพุทราจีนช่วยกระตุ้นการสร้างสารไซโตไคน์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการติดเชื้อ มีฤทธิ์เพิ่มการทำงานของ Natural Killer Cells (NK cells) ซึ่งเป็นด่านแรกในการป้องกันเซลล์ติดเชื้อไวรัสและเซลล์ผิดปกติ

 3. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ

  ฟลาโวนอยด์และวิตามินซีในพุทราจีนมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายต่อเซลล์ภูมิคุ้มกัน

ลดการอักเสบเรื้อรังซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น เบาหวาน หลอดเลือดแข็ง และมะเร็งบางชนิด เป็นต้น

ข้อควรระวังควรบริโภคในปริมาณเหมาะสม ประมาณวันละ 3–5 ผลแห้ง หากมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานควรระมัดระวัง

โดยสรุปแล้วเราสามารถใช้พุทราจีนในชีวิตประจำวัน เช่น ต้มดื่มเป็นชา ต้มน้ำซุป หรือรับประทานเป็นผลไม้แห้ง ถือเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย แต่ควรใช้ด้วยความพอดี และเหมาะสมกับภาวะสุขภาพ โรคประจำตัวเรื้อรังของแต่ละบุคคล

_______________________________________________________

บทความโดย
แพทย์จีน วรพงศ์ ชัยสิงหาญ (หมอจีน เฉิน จู เซิง)
陈株生 中医师
TCM. Dr. Worapong Chaisingharn (Chen Zhu Sheng)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้