"ไข่มุก" เคล็ด(ไม่)ลับกับการบำรุงผิว

Last updated: 10 ต.ค. 2566  |  5400 จำนวนผู้เข้าชม  | 

"ไข่มุก" เคล็ด(ไม่)ลับกับการบำรุงผิว

           

           หลายๆท่านคงรู้จักไข่มุกกันเป็นอย่างดี ไข่มุกถือเป็นอัญมณีเพียงชนิดเดียวที่ได้จากสิ่งมีชีวิต เป็นอัญมณีที่มีหลากสีสัน มีความแวววาวตามธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่านการเจียระไน นอกจากการนำมาทำเป็นเครื่องประดับ ไข่มุกยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้แข็งแรงและยังสามารถเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว และในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมายที่มีไข่มุกเป็นส่วนประกอบหลักอีกด้วย

           การกำเนิดของไข่มุกเกิดจากหอยได้เกือบทุกชนิด ทั้งหอยน้ำจืดและหอยน้ำเค็ม โดยการเกิดของไข่มุกนั้นเกิดจากเม็ดทราย ปรสิตหรือสิ่งแปลกปลอมเล็กๆถูกพัดพาเข้าไปในตัวหอยมุก ทำให้ตัวหอยมุกเกิดความระคายเคือง จึงหลั่งสารที่เรียกว่าเนเคอร์ (Nacre) ออกมาเคลือบสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นไว้เพื่อลดการระคายเคือง และการหลั่งสารจะหลั่งออกมาเรื่อยๆจนกว่าหอยมุกจะหมดความระคายเคือง จึงส่งผลให้เกิดการหนาตัวขึ้น และเกิดเป็นความวาวของไข่มุกนั่นเอง

           จากเรื่องเล่าตั้งแต่สมัยอดีตไข่มุกเป็นที่รู้จักกันดีเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว ในอดีตผู้คนมีการนำไข่มุกมาใช้ประโยชน์กันอย่างกว้างขวาง โดยชนชาติแรกที่นำไข่มุกมาใช้เป็นลำดับแรกๆคือ ชนชาติจีน คนจีนในสมัยโบราณเชื่อว่าไข่มุกเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เป็นสิ่งล้ำค่าจากเทพเจ้า ดังนั้นไข่มุกในสมัยโบราณจึงเป็นของสำหรับชนชั้นสูงหรือใช้สำหรับการถวายบูชาเทพเจ้าเท่านั้น นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับพระราชวงศ์ ใช้ในการเตรียมเครื่องเสวยอีก โดยความเชื่อในสมัยโบราณเชื่อว่า ไข่มุกจะช่วยปรับสมดุลการไหลเวียนของชี่ในร่างกาย ชะลอวัย และทำให้มีอายุยืนยาว

           คัมภีร์ <<เปิ่นเฉ่ากังมู่>> กล่าวถึงสรรพคุณของไข่มุกไว้ว่า  " ไข่มุกล้ำค่า เกิดในทะเลใต้ เก็บจากหอยมุกเก่าแก่ มีสรรพคุณบำรุงผิวพรรณ สงบหัวใจ ขับเสมหะ แก้อาการท้องร่วง ใช้สำลีห่อไว้แล้วอุดหูแก้หูหนวก หากนำมาทาหน้าจะทำให้ผิวสวยเปล่งปลั่ง "

           ทำให้เห็นได้ว่าคนโบราณตั้งแต่ในอดีตกาลมีการใช้ไข่มุกในการรักษาโรคและนำมาใช้ภายนอกเพื่อประทินผิวให้แข็งแรงสวยงาม

ไข่มุก(珍珠) ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน



มีฤทธิ์เย็น , รสชาติ หวาน เค็ม , เข้าสู่เส้นลมปราณหัวใจและตับ

มีสรรพคุณ 

1. สงบจิตใจ ระงับอาการทางประสาท ลดความกระวนกระวาย คลายเครียด ช่วยให้นอนหลับ

2.ลดความร้อนสงบไฟตับ ใช้รักษาอาการเกี่ยวกับดวงตา ช่วยลดอาการสายตามัว ตาแดง อักเสบ ช่วยทำให้สายตาดีขึ้น

3.ลดการอักเสบ ขจัดพิษ ห้ามเลือด และช่วยเพิ่มการแบ่งตัว ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ใช้รักษาแผลภายนอก แผลอักเสบและเน่าเปื่อย เช่น แผลถลอก มีดบาด น้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ กลาก เป็นต้น

4.ใช้ทาภายนอกมีสรรพคุณช่วยให้ผิวมีน้ำมีนวล สามารถรักษาอาการคัน อาการอักเสบที่ผิวหนัง ผื่นลมพิษ หากใช้เป็นประจำจะช่วยลดความหมองคล้ำ รอบจุดด่างดำบนสีผิว ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสเรียบเนียนสม่ำเสมอ

            ในปัจจุบันมีการวิจัยพบว่าในผงไข่มุก มีสาร SOD (Superoxide Dismutase) ซึ่งประกอบไปด้วยธาตุแมงกานีส ทองแดงและสังกะสี ที่ประกอบอยู่ในผงไข่มุก เป็นสารมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุสำคัญของความแก่ชรา ริ้วรอย ความเหี่ยวย่นของผิวและระบบเผาผลาญที่ช้าลง  โดยการใช้ผงไข่มุกเคลือบผิวหน้านั้นจะช่วยป้องกันริ้วรอยและรอยย่นของผิวได้ ยับยั้งการสังเคราะห์เมลานินและทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

สรรพคุณไข่มุกในการใช้ภายนอก



1.ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ผงไข่มุกมีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้ดูเรียบเนียน และทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น

2.ควบคุมความมัน เนื่องจากผงไข่มุกมีอนุภาคที่ละเอียดมาก จึงทำให้ช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ และขณะเดียวกันผงไข่มุกมีฤทธิ์เป็นด่าง จึงทำให้สามารถควบคุมการหลั่งน้ำมัน ทำให้ผิวแห้งและสะอาดขึ้น

3.ลดสิว ผงไข่มุกมีสรรพคุณลดการอักเสบ ขจัดพิษและช่วยเพิ่มการแบ่งตัวของเนื้อเยื่อได้ หากนำมาใช้ภายนอกจะช่วยในการต่อต้านสิวอักเสบ ลดความร้อน และฟื้นฟูหลุมสิวได้

4.ลดสิวหัวดำหรือสิวเสี้ยน ผงไข่มุกสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก มีสรรพคุณช่วยดูดผิวที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนได้

5.ช่วยฟื้นฟูการแบ่งตัวของเนื้อเยื่อจากแผลภายนอก เช่น น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ หรือถูกของมีคมบาด ทำให้ผิวหนังเกิดการฟื้นฟูได้เร็วขึ้น

เคล็ด(ไม่)ลับผิวสวยด้วยไข่มุก

1.พอกหน้าขจัดฝ้า
            นำผงไข่มุก 0.5 กรัม ผสมน้ำผึ้งและนมสดเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ต่อจากนั้น ใช้น้ำอุ่นล้างหน้าให้สะอาด นำผงไข่มุกที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ทาทั่วใบหน้าและนวดคลึงบริเวณที่เกิดฝ้า พอกทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก ทำทุกวันก่อนนอนจะช่วยให้ฝ้าและจุดด่างดำจางลง

2.ครีมไข่มุกบำรุงผิว
            ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ผสมผงไข่มุก 0.3 กรัมกับครีมบำรุงผิวหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำ แล้วนวดเบาๆบนใบหน้าก่อนเข้านอน วิธีนี้จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวและเป็นการเพิ่มสารอาหารให้ผิวพรรณ ช่วยให้ผิวแข็งแรงและกระจ่างใสขึ้น

3.พอกหน้าด้วยไข่มุกกล้วยหอม
            นำกล้วยหอมปอกเปลือกแล้วบดให้ละเอียด ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะและผงไข่มุก 0.3 กรัม ผสมให้เข้ากัน แล้วทาทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะสามารถช่วยชะลอริ้วรอยและทำให้ผิวนุ่มกระจ่างใส

4.พอกหน้าด้วยผงไข่มุกและว่านหางจระเข้
            ใช้น้ำว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะ แป้งหมี่ 2 ช้อนโต๊ะและผงไข่มุก 1.5 กรัม ผสมเข้ากันให้เหนียวแล้วพอกบางๆที่ใบหน้าและคอให้ทั่ว เมื่อเริ่มแห้งให้พอกซ้ำอีกชั้น พอกทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยป้องกันผิวหนังหย่อนยาน ยืดอายุของเซลล์ผิวหนัง ทำให้แลดูสดใสเต่งตึง

บทความโดย
แพทย์จีน รัญชนา ตั้งมั่นเจริญสุข (ซุน หลี)
孙梨 中医师
TCM. Dr. Runchana Tangmancharoensuk (Sun Li)
เลขที่ใบประกอบโรคศิลปะ พจ.1412

แหล่งอ้างอิง
- สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งอเมริกา (GIA)
- สถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งเอเชีย (AIGS) Gemology, Gem-A
-http://bgl.chanthaburi.buu.ac.th/2018/documents/article018.pdf
- https://baike.baidu.com/item/珍珠粉/967126
- ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ ซ่งจิ้งตง.Traditional Chinese Medicine แพทย์แผนจีนต้านโรค-กรุงเทพฯ : โพสต์, 2558.408 หน้า.1.การแพทย์แผนจีน. |.ชาญ ธนประกอบ,ผู้แปล. ||. ชื่อเรื่อง.610.951 ISBN 978-974-228-241-7

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้