B-type natriuretic peptide (BNP) เกี่ยวกับหัวใจและไต

Last updated: 20 ต.ค. 2566  |  1919 จำนวนผู้เข้าชม  | 

B-type natriuretic peptide (BNP) เกี่ยวกับหัวใจและไต

B-type natriuretic peptide (BNP) คือ โปรตีนหรือเปปไทด์ที่ถูกหลั่งออกมาจากหัวใจในสภาวะที่มีการยืดตัวของห้องหัวใจ (cardiac ventricles) มากขึ้น นั่นคือ ในสภาวะที่หัวใจทำงานหนักมากขึ้น หรือมีการขยายตัวของห้องหัวใจ (ventricular dilation) BNP มีบทบาทในการควบคุมการคายน้ำและเกลือ (fluid and salt balance) ในร่างกาย โดยทำหน้าที่ลดการดูดกลับของน้ำและโซเดียมในไต ลดการสะสมของเลือดในหัวใจ และลดความตึงเครียดของหลอดเลือด

การวัดระดับ BNP ในเลือดมักใช้เป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยและติดตามการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure) ระดับ BNP ที่สูงอาจแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลวที่รุนแรงมากขึ้น และเป็นมาตรฐานในการประเมินความรุนแรงของโรค heart failure นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการวินิจฉัยภาวะทางโรคหลอดเลือดสมองและโรคทางโรคหลอดเลือดอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจและระบบทางเลือด

B-type natriuretic peptide (BNP) มีความเกี่ยวข้องกับไตในหลายด้าน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมฟังก์ชันของระบบไตดังนี้

  1. การคายน้ำและโซเดียม : BNP ส่งผลต่อการทำงานของไตโดยลดการดูดกลับของน้ำและโซเดียมที่หลอดเลือดในไต ช่วยลดการสะสมของน้ำและเกลือในร่างกาย
  2. การลดความดันเลือด : BNP สามารถลดความดันเลือดโดยการขยายหลอดเลือดทั่วร่างกาย, ซึ่งรวมถึงหลอดเลือดที่อยู่ในไตด้วย ผลของการขยายหลอดเลือดนี้สามารถลดการโหลดที่ไตต้องทำงาน ซึ่งช่วยป้องกันการทำลายของไตที่เกิดจากความดันเลือดสูง
  3. ดัชนีในการวินิจฉัยโรคของไต : ในบางกรณีระดับ BNP ที่สูงมักพบในผู้ป่วยที่มีโรคไต โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury) หรือภาวะไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease) นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นหนึ่งในดัชนีในการประเมินภาวะหัวใจล้มเหลวในผู้ป่วยที่มีโรคของไต
  4. การป้องกันโรคไต : โดยทั่วไปการใช้ BNP ในการควบคุมการจัดการสารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) ทางเลือดและเกลือสามารถช่วยป้องกันการทำลายของไตที่เกิดจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดอื่น ๆ ได้

ทั้งนี้การควบคุมระดับ BNP และการใช้มันเป็นหนึ่งในเครื่องมือในการประเมินและดูแลผู้ป่วยที่มีโรคของหัวใจและไตสำคัญมากในการดูแลผู้ป่วยแบบเชิงลึกและเพื่อผลสุขภาพที่ดีขึ้น

ในทางแพทย์จีน กลไกการทำงานร่วมกันนี้ของหัวใจและไต คือหนึ่งในฟังก์ชันของ ซินเซิ่นเซียงเจียว (心肾相交) คือหัวใจและไตสัมพันธ์กัน ในทฤษฎีของแพทย์แผนจีน หัวใจและไตเป็นอวัยวะที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และโรคหรือปัญหาทางสุขภาพที่เกิดจากอวัยวะหนึ่ง ๆ อาจมีผลต่ออีกอวัยวะหนึ่ง ๆ

ตามทฤษฎีนี้ :

  1. 心 หรือ "หัวใจ" ถือว่าเป็นศูนย์กลางของการหมุนเวียนของเลือดและจิตใจ (心主血脉 心神清明)
  2. 肾 หรือ "ไต" ถือว่าเป็นฐานที่สำคัญของพลังชีวิตก่อนกำเนิด (肾为先天之本) และเกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำและเกลือในร่างกาย (肾主水)

การที่เซียงเจียว (相交) หรือ "สัมพันธ์กัน" นั้นหมายความว่าสุขภาพและการทำงานของหัวใจและไตต้องสอดคล้องกันและส่งผลต่อกัน ในบางกรณีการทำงานของหัวใจสามารถมีผลต่อสุขภาพของไต และการทำงานของไตก็สามารถมีผลต่อสุขภาพของหัวใจเช่นกัน

ในการรักษาโดยใช้แนวคิดนี้ แพทย์แผนจีนจะพิจารณาถึงสมดุลของสองระบบนี้ ยกตัวย่างเช่น หัวใจและไตไม่ประสานซินเซิ่นปู้เจียว (心肾不交) ที่แสดงถึงภาวะที่หัวใจ ("心" หรือ Xin) และไต ("肾" หรือ Shen) มีความไม่สอดคล้องหรือไม่สามารถสื่อสารหรือสัมพันธ์กันอย่างเหมาะสมได้ ซึ่งนำไปสู่หลายปัญหาทางสุขภาพ อาการที่แสดงออกของกลุ่มนี้คือ

  1. สมดุลทางอารมณ์ที่ไม่ดี : ผู้ป่วยอาจมีภาวะซึมเศร้า, ความกังวล, ความไม่สงบของจิตใจ
  2. ปัญหาทางการนอนหลับ : เช่น ฝันร้าย หรือภาวะนอนไม่หลับ
  3. อาการทางร่างกาย : อาจมีอาการแสดงของไตที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, โดยเฉพาะในด้านการควบคุมน้ำและสารละลายอื่น ๆ ในร่างกาย
  4. อารการอื่น ๆ ปากแห้ง ใจสั่น เวียนศีรษะ ชีพจรเต้นแบบ 细数 ลิ้นแดงฝ้าบางแห้งสีเหลือง (薄白干燥色黄)

การรักษาภาวะนี้

  • หลักการคือ เพิ่มสารน้ำให้ไตและลดความร้อนของหัวใจ (滋补肾阴 清心泻火)
  • ตำรับยาที่ใช้บ่อยคือ เจียวไท่หวาน (交泰丸)
  • ส่วนประกอบตัวยา เช่น หวงเหลียน 黄连 โร่วกุ้ย 肉桂 เป็นต้น

------------------------

บทความโดย
แพทย์จีน จรัญ จันทะเพชร (หมอจีน จ้าน หลาน)
湛蓝 中医师
TCM. Dr. Charun  Chanthaphet (Zhan Lan)
แผนกอายุรกรรม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้