ฝังเข็ม

การรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนจีนสามารถรักษาได้ตั้งแต่ทารกรวมไปถึงในเด็กเล็ก ซึ่งในกาารรักษาจะผสมผสานตั้งแต่เริ่มต้นตรวจวินิจฉัย การใช้ยาจีนในเด็กทั้งแบบยารับประทานและยาใช้ภาพยนอก รวมไปถึงการฝังเข็มและการนวดทุยหนาในเด็ก

กลุ่มโรคและภาวะอาการของโรคหลอดเลือดสมอง (สมองขาดเลือด) รวมไปถึงโรคที่ตามมาหลังจากเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งสามารถรักษาด้วยวิธีการฝังเข็มร่วมกับหัตถการเสริมการรักษาอื่นๆร่วมด้วย เช่น การรมยา เข็มอุ่น กระตุ้นไฟฟ้า ครอบแก้ว ฯลฯ รวมไปถึงการรักษาเสริมในภาคยาจีนทั้งในระยะเฉียบพลัน รวมไปถึงการใช้ยาจีนรักษาโรคหลอดเลือดสมอง (ก้านสมองตาย) ในระยะฟื้นตัว

การแพทย์แผนจีน เน้นการส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงด้วยหลักการหย่างเซิงสุขภาพด้วยตนเอง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญการป้องกันการเกิดโรค

ปัจจุบันผลการวิจัยทางคลินิกและห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นว่า การฝังเข็มและการรมยาสามารถปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีสรรพคุณต้านการอักเสบ ต้านการติดเชื้อ ค่อนข้างได้ผลดีในการป้องกันและรักษาโรคติดต่อ

แนวทางการรักษาภาวะอักเสบรอบข้อไหล่ กล้ามเนื้อเอ็นบริเวณต้นคอไหล่อักเสบ เอ็นข้อศอกอักเสบ กลุ่มอาการของข้อพับมือด้วยวิธีการรักษาของแพทย์แผนจีน

กลุ่มอาการลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า เป็นภาวะที่ลำไส้ทำหน้าที่ผิดปกติโดยไม่มีพยาธิสภาพหรือความผิดปกติของโครงสร้างลำไส้และโรคทางกายอื่นใด ก่อให้เกิดอาการปวดท้องมีลมในท้องมาก ร่วมกับท้องเดินหรือท้องผูกแบบเรื้อรัง จัดว่าเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการท้องเดินเรื้อรัง

มีประวัติได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเอว หรือบริเวณเอวเคยแบกรับน้ำหนักไม่เท่ากัน หรือเกิดจากการได้รับลมเย็นแล้วกระตุ้นให้เกิด โดยมากจะพบว่าเพศชายจะเป็นได้มากกว่าเพศหญิง และพบมากในวัยรุ่น โดยจะมีอาการปวดเอวร่วมกับปวดร้าวลงขา  

โรคที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวบ่อย ไม่อยู่นิ่ง สติ สมาธิสั้น หากต้องทำงานหรืออ่านหนังสืออยู่เป็นระยะเวลานานจะวอกแวกได้ง่าย จิตใจไม่นิ่ง

โรคทางด้านระบบประสาทที่มีอาการย้ำคิดย้ำท้ำเป็นอาการหลัก  มักมีปัจจัยด้านจิตใจกระตุ้น สาเหตุมาจากไม่สบอารมณ์ การกระจายของชี่ติดขัด  มีอาการหลักทางคลินิก คือ อารมณอัดอั้น กลัดกลุ้ม อารมณ์แปรปรวน แน่นหน้าอก ปวดแน่นชายโครง โกรธง่าย ร้องไห้ง่าย รู้สึกมีสิ่งแปลกปลอมติดคอ

โรคนี้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตับ ม้าม และไต อวัยวะตันทั้ง 3 อย่างใกล้ชิด มีพยาธิการเกิดโรคหลัก คือ ลมปราณ สารจิง สารน้ำไม่เพียงพอ ทำให้เส้นเอ็นขาดการบำรุงเลี้ยง เป็นโรคที่ซ่อนเร้นเกิดอย่างเงียบเชียบ ยืดเยื้อยาวนาน มีพยากรณ์โรคที่ไม่ดี

อาการผิดปกติของการได้ยิน หูอื้อ คือมีเสียงดังในหู เหมือนมีเสียงซ่าๆ เสียงจักจั่นร้องดังในหู ส่วนหูตึง หูดับ คือ ความสามารถของการได้ยินลดลงหรืออยู่ดีๆความสามารถในการได้ยินกลับหายไป (หูดับแบบเฉียบพลันทันทีแบบไม่เคยเป็นมาก่อน)

การฝังเข็มหู สามารถใช้รักษาและป้องกันโรคของร่างกายและอวัยวะต่างๆได้ โดยการกระตุ้นจุดที่มีตำแหน่งแน่นอนบนใบหู ด้วยเข็ม หรือวัสดุกระตุ้นหูที่เหมาะสม

การเกิดโรคฮิสทีเรียมีความสัมพันธ์กับปัจจัยทางด้านอารมณ์อย่างใกล้ชิด “โกรธเป็นอารมณ์ของตับ” การรักษาของแพทย์จีนให้ความสำคัญในการปรับสมดุลในตัวผู้ป่วยทั้งร่างกายและสภาวะจิตใจเป็นหลัก

มีสาเหตุจากหยางไม่เข้าอยู่ในอิน ทำให้เข้านอนลำบากอยู่บ่อยครั้งถือเป็นลักษณะสำคัญของโรคนี้เข้านอนลำบาก หลับไม่ลึก หลับๆตื่นๆ ตื่นแล้วหลับต่อไม่ได้ หรือไม่หลับทั้งคืน

ในทางแพทย์แผนจีนจัดกลุ่มอาการนี้อยู่ในขอบเขต “กลุ่มอาการเตียน” ซึ่งเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางระบบจิตประสาท เนื่องจากมีเสมหะอุดกั้นทวารของหัวใจ ทำให้การทำงานของเสินแปรปรวน ลักษณะพิเศษของโรค คือ จิตใจซึมเศร้า อารมณ์เฉื่อยชา เงียบขรึม ทักษะการพูดเริ่มผิดปกติ พูดจาสับสน นิ่งสงบ หรือมีการเคลื่อนไหวน้อย

กลุ่มอาการที่เกิดจากโครงสร้างสมองถูกทำลายแบบเรื้อรังหรือแบบต่อเนื่องทำให้หน้าที่การทำงานของสมองระดับสูงผิดปกติไป

แพทย์แผนจีนไม่มีชื่อโรควิตกกังวล แต่อ้างอิงจากอาการทางคลินิกจัดอยู่ในขอบเขตของโรคทางอารมณ์ และโรคของหัวใจ มีความสัมพันธ์กับอาการ ชี่ติดขัด (郁症) ตกใจ (惊) ใจหวิว (悸) ใจสั่น (心悸) ใจสั่นรัว (怔忡) นอนไม่หลับ (不寐) โรคไป่เหอ (百合病) โดยมีสาเหตุของโรคสัมพันธ์กับ อารมณ์ติดขัด ตับไม่เก็บกักจิตวิญญาณ ครุ่นคิดมากเกินไป หัวใจและไตทำงานไม่ประสานกัน ชี่หัวใจไม่พอ เสมหะปิดกั้นทวารของหัวใจ

สาเหตุของอาการปวด เกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกร่างกาย ในทางการแพทย์แผนจีน ได้จัดหมวดหมู่กลุ่มอาการปวด ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดคอ ปวดเอว ปวดข้อ และปวดกล้ามเนื้อ อยู่ในกลุ่มอาการ ปีเจิ้ง

อาการอ่อนกำลังของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ทำให้หลับตาได้ไม่แน่นสนิท และมุมปากเบี้ยวเอียงลงปิดปากไม่สนิทแน่น มีอาการเสียการรับรสของปลายลิ้นด้านที่เป็น

กรณีศึกษาการรักษากลุ่มอาการด้านกระดูกและกล้ามเนื้อ อาการปวดต้นคอด้านซ้าย มีวิธีการประเมินการรักษาและขั้นตอนการรักษาโดยวิธีการรักษาแบบแพทย์แผนจีนอย่าง

ลักษณะพิเศษของโรคจ้งเฟิง คือ เกิดอาการฉับพลันชัดเจน จากหลายสาเหตุ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มีลักษณะคล้ายกับลมในธรรมชาติ ซึ่งเคลื่อนไหวเร็วและเปลี่ยนแปลงง่าย คำว่า 中แปลว่า ถูกกระทำ และ 风แปลว่า ลม จ้งเฟิง โดยรูปศัพท์จึงหมายถึง โรคที่ถูกกระทำโดยลม โรคจ้งเฟิงจัดเป็นปัญหาสุขภาพอันดับต้น ๆ ของการแพทย์จีน และยังเป็นโรคที่ได้ชื่อว่า “สามสูงในหนึ่งเดียว (三高一多)” คือ เป็นโรคที่มี อัตราการเกิดโรคสูง อัตราตายสูง และอัตราพิการสูง

หลังจากผื่นงูสวัดหายแล้ว ยังคงมีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือปวดแบบเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทง อาจเป็นตลอดเวลา หรือเป็นๆหายๆเป็นช่วงๆ หรือ อาการปวดเจ็บแบบแปร๊บๆตามแนวเส้นประสาทหลังจากที่ผื่นหรือตุ่มน้ำของงูสวัดหายไป

เมื่อเรานอนไม่หลับ ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเราเกือบจะทั้งหมด อีกทั้งยังทำให้การทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย โดยเฉพาะ สมองของเราหย่อนสมรรถภาพลง

อาการที่พบมากที่สุดในผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ แผนกผู้ป่วยนอกบางแห่งอาจมีถึงร้อยละ 40 ของผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ อาการปวดหลังอาจเป็นเล็กน้อย แล้วหายเองได้ แต่มีบางรายที่ต้องผ่าตัด

บุหรี่เกี่ยวข้องกับปอด ปอดทำหน้าที่กระจายซี่ กระจายพลังเปรียบเสมือนต้นไม้ของร่างกาย การสูบบุหรี่เข้าไปในทางเดินหายใจเข้าสู่ปอด ทำให้ร่างกายขาดความสมดุล ซี่และเลือดไหลเวียนไม่ดีจนทำให้เกิดโรค

การฝังเข็มทำให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดไหลเวียนเข้าสู่หลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆมากขึ้น ทั้งสมอง หัวใจ และแขนขา เพราะมีการศึกษาพบว่า การฝังเข็มจะไปลดการส่งกระแสประสาทซิมพาเทติกที่มีปมประสาทวางเรียงอยู่สองข้างของแนวไขสันหลัง ตั้งแต่บริเวณช่วงคอถึงเอว

กลุ่มอาการของโรคที่เกิดขึ้นบริเวณไขสันหลัง รากประสาท และระบบไหลเวียนเลือดที่ระดับคอ จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดบริเวณศีรษะ คอ หัวไหล่ แขน หรือหน้าอก

แพทย์จีนจะรักษาโดยการฝังเข็มที่จุดหลักและจุดเสริม การรักษาแต่ละครั้งแพทย์จะเลือก 3-5 จุด สำหรับนอนไม่หลับจากฟัวใจและไฟตับมากเกิน เสลดร้อนกระทบหัวใจ ชี่ติดขัดและเลือดคั่งแพทย์จีนจะฝังเข็มกระตุ้นระบาย หัวใจและม้ามพร่องจะฝังเข็มกระตุ้นบำรุง

การครอบแก้ว สามารถรักษาได้หลายโรคหลายอาการ เช่น ไอ ไข้หวัด หอบหืด ลมพิษ โดยเฉพาะอาการปวดบริเวณต่าง ๆ ตามร่างกาย

เมื่อความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนถึงวัยหมดประจำเดือนและการลดลงของเอสโตรเจนอย่างมากในช่วงหลังวัยหมดประจำเดือน ทำให้เกิดอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจซึ่งค่อยๆเป็นมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะพร่องเอสโทรเจน โดยเฉพาะในระยะต่อมาอีกหลายปีจนเข้าสู่วัยสูงอายุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้