Last updated: 2 ต.ค. 2568 | 38 จำนวนผู้เข้าชม |
โรคหลอดลมโป่งพองคืออะไร
โรคหลอดลมโป่งพอง (支气管扩张症,Bronchiectasis) เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังที่พบได้บ่อย เนื่องจากภาวะที่ผนังหลอดลมถูกทำลายจนเสียหายอย่างถาวร เมื่อหลอดลมสูญเสียความยืดหยุ่นส่งผลให้เสมหะสะสมคั่งค้างภายใน จึงเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย เป็นวงจรที่วนเวียนไปไม่รู้จบ อีกทั้งระยะการดำเนินโรคยาวนาน อัตราการเกิดโรคหลอดลมโป่งพองจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น
ปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลักของโรค เช่น ผู้ป่วยเคยมีประวัติการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ติดเชื้อวัณโรคหรือเชื้อไมโคแบคทีเรียชนิดไม่ใช่วัณโรค มีสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ หรือเกิดจากความผิดปกติของหลอดลมโดยกำเนิด อาการที่เด่นชัดของโรคคือ ไอเรื้อรัง มีเสมหะสีขาวหรือสีเหลืองปริมาณมาก ไอปนเลือดเป็นครั้งคราว หรือในผู้ป่วยบางรายมีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย โรคหลอดลมโป่งพองในระยะทรุดลงอย่างฉับพลัน
การรักษาทางการแพทย์แผนตะวันตกเลือกใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อร่วมกับยาขยายหลอดลมและยาละลายเสมหะ
เพื่อบรรเทาอาการได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในระยะที่โรคอยู่ในภาวะคงที่ แพทย์แผนจีนสามารถใช้หลักการวินิจฉัยและรักษาตามการวิเคราะห์กลุ่มอาการของผู้ป่วยแต่ละราย (辨证论治) โดยเลือกใช้สูตรยาสมุนไพรและวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีแนวคิดแบบองค์รวมที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย ฟื้นฟูสภาพร่างกาย และลดการกำเริบของโรคในระยะยาว ถึงแม้เป็นโรคที่ไม่สามารถหายขาดได้ แต่ในทางการแพทย์แผนจีนสามารถช่วยบรรเทาอาการและยกคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น
สาเหตุและกลไกการเกิดโรคในทางการแพทย์แผนจีน
ในตำราจีนโบราณ《素问•咳论》กล่าวว่า “อวัยวะตันทั้งห้า อวัยวะกลวงทั้งหก ล้วนสามารถส่งผลให้เกิดอาการไอได้ ไม่ใช่เพียงแค่ปอด” แสดงให้เห็นว่าอาการไอไม่ได้เกิดจากปอดเพียงอย่างเดียว เมื่ออวัยวะอื่นเสียสมดุลก็สามารถกระทบถึงปอดทำให้เกิดอาการไอได้ เสมหะในมุมมองของการแพทย์แผนจีนเกี่ยวข้องกับปอด ม้าม และไตเป็นสำคัญ “脾为生痰之源、肺为贮痰之器、肾为生痰之本” ดั่งคำกล่าวที่ว่าม้ามเป็นแหล่งกำเนิดของเสมหะ ปอดเป็นที่สะสมของเสมหะ และไตเป็นรากเหง้าของการเกิดเสมหะ โรคหลอดลมโป่งพองที่เสมหะปริมาณมาก เมื่อสะสมในร่างกายนานวันเข้าก็จะกลายเป็นเสมหะร้อน หากไม่ขับเสมหะเป็นประจำความร้อนจะทำให้ของเหลวในร่างกายพร่องไปด้วย
สาเหตุของโรคในทางการแพทย์แผนจีนแบ่งเป็นสองด้าน หนึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอกทั้งหก เช่น ลม ความเย็น ความร้อนอบอ้าว ความชื้น ความแห้ง และไฟ สองเกิดจากพื้นฐานร่างกายไม่สมบูรณ์แต่กำเนิด หรือการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ความเครียด หรือ ร่างกายอ่อนแอจากการเจ็บป่วยเรื้อรัง สาเหตุภายในและภายนอกส่งผลซึ่งกันและกัน มักพบภาวะพร่องในแกร่งนอก(本虚标实),มีอาการทั้งพร่องและแกร่งปะปนร่วมกัน(虚实夹杂)ในระยะเฉียบพลันภาวะแกร่งจะเห็นได้ชัด ส่วนระยะคงที่ผู้ป่วยจะพร่องเป็นหลัก
กลไกการเกิดโรคในระยะเริ่มต้นของโรคเกิดจากปอดได้รับเชื้อจากภายนอกได้ง่าย พลังป้องกันของปอดเสียสมดุล เกิดความร้อนสะสมกลายเป็นเสมหะ ทำให้มีอาการไอพร้อมเสมหะจำนวนมาก เมื่อเวลาผ่านไปความร้อนสะสมมากขึ้น ไฟทำลายปอดทำให้มีอาการไอปนเลือดในผู้ป่วยบางราย เมื่อโรคดำเนินมาเป็นระยะเวลายาวนาน จะส่งผลต่อระบบอื่น เสมหะและเลือดคั่งร่วมกันในปอด ทำให้ชี่ เลือด อิน และหยางพร่องส่งผลกระทบต่อปอด ม้าม และไต เกิดโรคหลอดลมโป่งพองนั่นเอง
กลุ่มอาการโรคหลอดลมโป่งพองที่พบได้บ่อยและแนวทางการรักษาสมุนไพรจีน
กลุ่มอาการแกร่ง(实证)
1.กลุ่มอาการเสมหะร้อนอุดกั้นปอด(痰热壅肺证): เสมหะเหลืองหรือเหนียวข้น มีไข้ กระหายน้ำ ท้องผูก ลิ้นแดงฝ้าเหลืองหรือเหลืองเหนียว(舌红,苔黄或黄腻)ชีพจรเร็วหรือลื่นหรือเร็ว(脉数或滑数)
หลักการการรักษา : ขจัดความร้อน ขับเสมหะ (清热化痰)
ตำรับยาที่เหมาะสม : ชิงจินหว่อถันทัง(清金化痰汤)、เชียนจินเหว่ยจิงทังเพิ่มลดตัวยา(千金苇茎汤)加减
2.กลุ่มอาการเสมหะชื้นอุดกั้นปอด(痰湿阻肺证): เสมหะสีขาว แน่นท้อง ไม่เจริญอาหาร ทานน้อย ตัวหนัก ฝ้าขาวเหนียว(苔白腻)ชีพจรลื่นหรือตึงหรือลื่น(脉滑或弦滑)
หลักการการรักษา : สลายความชื้น ละลายเสมหะ (燥湿化痰)
ตำรับยาที่เหมาะสม : เอ้อร์เฉินทังเพิ่มลดตัวยา(二陈汤) 加减
กลุ่มอาการพร่อง(虚证)
1.กลุ่มอาการชี่ของปอดและม้ามพร่อง(肺脾气虚证): เสมหะสีขาวหรือใส เหนื่อยหอบ เหงื่อออกง่าย โดยเฉพาะเวลาเคลื่อนไหว เป็นหวัดง่าย ไม่เจริญอาหาร ทานน้อย ท้องอืด แน่นท้อง อ่อนเพลีย ถ่ายเหลว ลิ้นอ้วนใหญ่หรือลิ้นมีรอยฟัน(舌胖大或舌有齿痕)ชีพจรลึกและเล็กหรือลึกและช้าหรือเล็กและอ่อน(脉沉细或沉缓或细弱)
หลักการการรักษา : เสริมม้าม บำรุงปอด (健脾补肺)
ตำรับยาที่เหมาะสม : ลิ่วจวินจื่อทัง(六君子汤)、ปู่จงอี้ชี่ทังเพิ่มลดตัวยา(补中益气汤)加减
2.กลุ่มอาการชี่และอินพร่อง(气阴两虚证): ไอแห้ง หรือไอเสมหะปริมาณน้อย เสมหะเหนียวขากออกยาก อ่อนเพลีย เหงื่อออกตอนกลางคืน เป็นหวัดง่าย มือเท้าร้อน คอแห้ง ปากแห้ง กระหายน้ำ ลิ้นขาวซีดหรือลิ้นแดง(舌淡白或舌红)ชีพจรลึกและเล็กหรือเล็กและอ่อนหรือเล็กและเร็ว(脉沉细或细弱或细数)
หลักการการรักษา : บำรุงชี่และอิน ระบายความร้อนปอด สลายเสมหะ (益气养阴,清肺化痰)
ตำรับยาที่เหมาะสม : :ซาเซินม่ายตงทัง(沙参麦冬汤)、ไป่เหอกู้จินทังเพิ่มลดตัวยา(百合固金汤)加减
แนวทางดูแลตนเองหลังพบว่าเป็นโรคหลอดลมโป่งพอง
1. ฝึกขับเสมหะด้วยวิธีการหายใจแบบ ACBT (Active Cycle of Breathing Technique) ผู้ป่วยสามารถทำได้ด้วยตัวเอง3-5ครั้งต่อวัน วิธีนี้สามารถช่วยให้ขับเสมหะออกมาได้ง่ายยิ่งขึ้น
2. ลดความเครียด ทำจิตใจให้สบาย ผ่อนคลาย
3. ออกจากบ้านควรใส่แมส หลีกเลี่ยงโดนความเย็นหรือตากฝน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากไข้หวัดที่นำไปสู่ปอดติดเชื้อซ้ำ
4. ผู้ป่วยโรคหลอดลมโป่งพองในระยะคงที่สามารถออกกำลังกายที่ไม่หนักจนเกินไปวันละ30นาที เช่น เดินออกกำลังกาย ไท้เก๊ก ปาต้วนจิ่น อู่ฉินซี่ เป็นต้น
___________________________________________________________
บทความโดย
แพทย์จีน จินต์จุฑา มีเสถียร (หมอจีน เย่ จื่อ หลิง)
叶芷苓 中医师
TCM. Dr. Jinjuta Meesathien (Ye Zhi Ling)
3 ต.ค. 2568