โรครองช้ำ, โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ, โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ Plantar fasciitis

Last updated: 10 ต.ค. 2566  |  18801 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โรครองช้ำ, โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ, โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ Plantar fasciitis

โรครองช้ำ, โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ, โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ ( Plantar fasciitis)
โรครองช้ำคืออาการอักเสบที่เกิดขึ้นกับพังผืดใต้ฝ่าเท้า โดยผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดบริเวณส้นเท้าด้านในหรือตามแนวแถบของพังผืด ในตอนเช้าอาการปวดจะมีลักษณะแปล๊บๆ เหมือนมีอะไรมาแทงบริเวณส้นเท้า หรือปวดแบบโดนของร้อน ทำให้เวลาที่วางส้นเท้าลงกับพื้นอาจมีอาการสะดุ้ง อาการปวดจะค่อยๆ เบาลงเมื่อเดินไปได้ 2-3 ก้าว และสามารถกลับมาปวดมากเหมือนเดิมได้ใหม่ หากยืนเป็นระยะเวลานานหรือลุกขึ้นจากการนั่งพักนานๆ  



Credit : http://www.kruyoga.com/ปัญหาเจ็บรองช้ำ-ในนักวิ/

กายวิภาคศาสตร์ของเท้า

โครงสร้างของเท้า ประกอบไปด้วย กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และผังพืด โดยผังพืดของเท้าเรานั้นจะอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้า เป็นแผ่นบางๆ สีขาว วางพาดถึงกันระหว่างส้นเท้ากับปลายเท้า มีชื่อเรียกว่า plantar fascia มีหน้าที่สำคัญคือ ช่วยรองรับนํ้าหนักตัวขณะยืน เดิน วิ่ง และช่วยรักษาโครงสร้างของฝ่าเท้าให้เป็นปกติขณะที่เรายืนลงนํ้าหนัก



Credit : https://www.avarinshop.com/plantar-fasciitis/

กลไกการเกิดโรค Plantar fasciitis

     เกิดจากฝ่าเท้าได้รับแรงกระแทกมากเกินไป อาจมาจากการใช้ความเร็วในการวิ่งมากไป น้ำหนักตัว การยืนบนพื้นผิวที่แข็ง หรือใส่รองเท้าที่บีบรัดมากเกินไปไม่เหมาะกับรูปเท้าของเราเนื่องจากหน้าที่หลักของพังผืดใต้ฝ่าเท้าคือการรองรับแรงกระแทกต่อฝ่าเท้า และรองรับอุ้งเท้า โดยขณะที่เรายืนหรือเดิน น้ำหนักตัวจะตกลงบนฝ่าเท้า ทำให้อุ้งเท้าแบนราบกับพื้นมากขึ้น ซึ่งเหมือนเป็นการเพิ่มภาระให้ผังพืดตัวนี้ และเมื่อถึงจุดที่ผังพืดรับภาระไม่ไหวมันจึงเกิด แรงที่ตกลงมายังฝ่าเท้าจะกระจายไปยังบริเวณหน้าเท้าและส้นเท้า ส่งผลให้พังผืดมีความตึงตัวมากขึ้น แต่หากแรงตึงตัวที่เกิดขึ้นมีมากเกินกว่าที่พังผืดจะรับได้ จะทำให้พังผืดได้รับความเสียหาย ซึ่งอาการของโรคไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด
     โดยการบาดเจ็บจะค่อย ๆ สะสมทีละเล็กทีละน้อย จนเกิดการอักเสบหรือในกรณีร้ายแรงอาจเกิดการฉีกขาดในที่สุดการฉีกขาดเล็กน้อยที่บริเวณส้นเท้าเรา เรียกว่า micro tear   โดยเอ็นและพังผืดที่เชื่อมต่อระหว่างส้นเท้ากับนิ้วเริ่มฉีกขาดหรือเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดการเจ็บใต้ฝ่าเท้า  พบได้ราว 15% ของอาการเจ็บนักวิ่งมาราธอน  และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เกิดโรครองช้ำเกิดมาจากกล้ามเนื้อน่อง (gastrocnemius และกล้ามเนื้อ gastroc soleus) มีความตึงตัวสูงหรือหดเกร็งค้างเป็นเวลานานจะส่งผลให้ผู้ป่วยโรครองชํ้ามีอาการปวดเพิ่มมากขึ้น แต่พอได้ยืดกล้ามเนื้อน่องอาการปวดก็ทุเลาลง
     เนื่องจากว่ากล้ามเนื้อน่องมีจุดเกาะปลายอยู่ที่ด้านหลังกระดูกส้นเท้าที่มีชื่อว่า calcaneus และผังพืดใต้ฝ่าเท้าที่เป็นจุดกำเนิดของโรครองชํ้ามีชื่อว่า plantar fascia มีจุดเกาะที่กระดูกส้นเท้าทางด้านหน้าที่มีชื่อว่า calcaneus เช่นกัน และเมื่อเรายืดกล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อจะมีความตึงตัวสูงทำให้เกิดการดึงรั้งที่กระดูกส้นเท้า (calcaneus) จนกระดูกภายในฝ่าเท้าทั้งหมดถูกยืดเหยียดตาม แล้วผังพืดที่เกาะระหว่างกระดูกส้นเท้ากับที่ปลายเท้าก็ถูกยืดตามไปด้วย



Credit : https://mgronline.com/dhamma/detail/9560000149481

อาการของโรครองช้ำ

ปวดหรือเจ็บส้นเท้า ลามไปทั่วฝ่าเท้า โดยจะเริ่มมีอาการตั้งแต่ลงจากเตียงนอน หรือก้าวเดินก้าวแรกของวัน เมื่อเดินลงน้ำหนักจะมีอาการปวดจี๊ดๆ ปวดอักเสบ บริเวณฝ่าเท้า หรือ ส้นเท้า บางคนอาจปวดทีละน้อย จนคิดว่าอาการปวดจะ  หายไปเอง แต่ก็สามารถกลับมาปวดได้อีก อาการปวดจะรุนแรงที่สุดเมื่อเริ่มมีการลงน้ำหนักที่ส้นเท้าในก้าวแรก เช่น เมื่อลุกเดิน   ก้าวแรกหลังจากตื่นนอน
ระยะแรกอาจเกิดหลังการออกกำลังกาย หรือการเดินและยืนนาน ๆ เมื่อมีการ เคลื่อนไหวมากขึ้น จะรู้  สึกปวดส้นเท้ามากขึ้น หรือปวดอยู่ตลอดเวลา

กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรครองช้ำ

ผู้สูงอายุ เนื่องจากพังผืดฝ่าเท้ามีความยืดหยุ่นน้อยลง , ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ทำให้พังผืดฝ่าเท้ารับแรงกระแทกมากขึ้น , ผู้ที่มีอาชีพ ที่จำเป็นต้องยืน หรือเดินมาก ๆ ทำให้พังผืดฝ่าเท้าตึงแข็ง ,  ผู้ที่มีอุ้งเท้าสูง หรือแบน ผิดปกติ , ผู้ที่ใส่รองเท้าส้นสูง รองเท้าพื้นแข็ง หรือพื้นบาง อยู่เป็นประจำ , ผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากไขมันส้นเท้าบางกว่า รวมถึงเอ็น และกล้ามเนื้อของน่อง และฝ่าเท้า ไม่แข็งแรงเท่าของผู้ชาย , นักวิ่ง หรือนักกีฬา ที่ต้องใช้เท้า และส้นเท้าเป็นเวลานาน

การตรวจร่างกาย

ทดสอบการยืดเหยียดพังผืดใต้ฝ่าเท้า (Windlass Test)
ให้ผู้ป่วยยืนบนแท่นเหยียบโดยยื่นปลายนิ้วเท้ายื่นออกมาด้านหน้า จากนั้นให้ผู้ทดสอบยกนิ้วเท้าขึ้น หากผู้ทดสอบเกิดอาการเจ็บไปที่พังผืดบริเวณใต้ฝ่าเท้าถือว่าผลเป็นบวก แสดงผลว่าเอ็นบริเวณใต้ฝ่าเท้าเกิดการอักเสบ


Credit : https://vimeo.com/334346579

 -  มีจุดกดเจ็บ : จะพบจุดกดเจ็บบริเวณ Plantar fascia หากกดลงไปจะเกิดอาการเจ็บแปล๊บทันทีแสดงผลว่าเอ็นบริเวณใต้ฝ่าเท้า       อักเสบ
 -  การตรวจด้วยภาพ x-ray อาจพบกระดูกงอก ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดโรครองช้ำได้

การรักษาโรคด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน

 กลไกการเกิดโรครองช้ำตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน

     อาการปวดส้นเท้าตามทฤษฎีพื้นฐานของการแพทย์แผนจีนโดยทั่วไปถือว่าเกิดจากความบกพร่องของอินของตับและไต อินในที่นี้หมายถึงสารที่หล่อเลี้ยงเส้นเอ็น กระดูกทั่วร่างกาย โดยเฉพาะตับและไตที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุดเนื่องจากตับควบคุมเส้นเอ็น ไตควบคุมกระดูก เมื่ออินของตับและไตไม่เพียงพอเส้นเอ็นจึงเกิดความยืดหยุ่นและกระดูกเปราะบาง การทำงานผิดปกติและจะเกิดการเจ็บปวด ทำให้มีอาการปวดส้นเท้าหรือรองช้ำ
     แพทย์แผนจีนอธิบายว่าอาการบาดเจ็บมากในช่วงตื่นเช้า หรือ จากการนั่งพักนานๆ พอจะลงน้ำหนักจะเจ็บปวดเนื่องจาการไหลเวียนของพลังลมปราณ และเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ลดลง เมื่อการหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอก็จะมีอาการปวด 

หลักในการรักษา :  กระตุ้นการไหลเวียนเลือดสลายเลือดคั่ง ลดบวมระงับปวด (活血化瘀、消肿止痛)

การทุยหนา :

ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อได้มากขึ้น ลดการอักเสบ คลายความอ่อนล้า ช่วยให้ข้อต่อยืดหยุ่น ลดโอกาสเสี่ยงของอาการปวดเกร็งหรือเป็นตะคริว หัตถการทุยหนามีขั้นตอนดังนี้

  1. หัตถการคลายกล้ามเนื้อ : ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนคว่ำ แพทย์ผู้ทำหัตถการ ใช้ท่ากลิ้ง (กุ๋นฝ่า滚法) ท่ากดคลึง (อั้นโหรวฝ่า按揉法) และท่าผลัก (ทุยฝ่า 推法) ไปกลับบนบริเวณน่องขาด้านหลังจนถึงเอ็นร้อยหวาย เน้นบริเวณน่องจนถึงส้นเท้าด้านหลัง โดยหัตถการต้องเบาและนุ่มนวล ประมาณ 3-5 นาที
  2. หัตถการรักษา : แพทย์ผู้ทำหัตถการใช้ท่ากดคลึง (เตี่ยนฝ่า点法) ด้วยฝ่ามือฝั่งนิ้วโป้งหรือสันมือบนบริเวณจุดอาซื่อ (阿是穴)และจุดหย่งเฉวียน ( K11涌泉) ร่วมกับใช้ท่ากดคลึง (อั้นโหรวฝ่า按揉法) ด้วยนิ้วโป้งบนจุดคุนหลุน (BL60昆仑) จุดเฉิงซาน (BL57 承山) จุดไท่ซี (KI3太溪) หัตถการต้องเบาและนุ่มนวล ประมาณ 5-8 นาที
  3. หัตถการเคลื่อนไหวข้อต่อ : แพทย์ผู้ทำหัตถการใช้ท่าดึงหมุน (ป๋าเซินเหยาฝ่า拔伸摇法) โดยใช้มือหนึ่งจับบริเวณเอ็นร้อยหวาย อีกมือหนึ่งจับบริเวณปลายเท้า ออกแรงดึงยืดพร้อมกับหมุนข้อเท้าเบาๆ จากนั้นค่อยๆดึงยืดข้อเท้าเข้าด้านนอก จากนั้นดึงยืดข้อเท้าออกด้านใน ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
  4. หัตถการสิ้นสุดการรักษา : แพทย์ผู้ทำหัตถการใช้ท่าถู (ชาฝ่า擦法) ด้วยฝ่ามือบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ จนเกิดความรู้สึกร้อน หลังจากนั้นใช้ท่าดันถู (ทุยโหม่วฝ่า推抹法) ทิศบนลงล่างตามแนวเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อจนเกิดความรู้สึกร้อน

การฝังเข็ม

  • จุดกดเจ็บ 阿是穴
    ตำแหน่ง : บริเวณใต้ส้นเท้า plantar fascia หากกดแล้วเจ็บแสดงว่าเป็นจุดกดเจ็บ(阿是穴)
  • จุดหย่งฉวน (K11涌泉)
  • จุดคุนหลุน  (BL60昆仑)
  • จุดเฉิงซาน (BL57承山)
  • จุดไท่ซี (KI3太溪)

ยาจีน

  • ตำรับยาทงปี้ทัง(通痹汤)
    หลักการรักษา : บำรุงชี่และเลือด บำรุงตับและไต ขับลมทะลวงเส้นลมปราณ กระจายความเย็นระงับปวด(益气养血,补益肝肾,祛风通络,散寒止痛)
    เหมาะสำหรับ : กลุ่มอาการปวดตามข้อ ข้อบวม เคลื่อนไหวติดขัดเป็นต้น

พอกยา

  • ตำรับยาเซียวจ๋งส่าน(消肿散) 
    หลักการรักษา : ระบายความร้อนระงับปวด(请热止痛)
    เหมาะสำหรับ : ข้อต่ออักเสบในระยะเฉียบพลัน ปวด บวม แดง ร้อน
    วิธีใช้ : บดเป็นผง ผสมกับน้ำใช้พอกบริเวณที่มีอาการปวดบวม วันละ 1 ครั้ง 4-6 ชั่วโมง
    ข้อควรระวัง : หากมีอาการแพ้ คัน ผื่นแดง ควรรีบหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

  • ตำรับยาหัวเซว่ส่าน (活血散) 
    หลักการรักษา : คลายเส้นเอ็นกระตุ้นการไหลเวียนเลือด สลายเลือดคั่งระงับปวด(舒筋活血,散瘀止痛)
    เหมาะสำหรับ : ปวดตึงข้อต่อกล้ามเนื้อ
    วิธีใช้ : บดเป็นผง ผสมกับน้ำอุ่นใช้พอกบริเวณที่มีอาการปวด วันละ 1 ครั้ง 4-6 ชั่วโมง
    ข้อควรระวัง : หากมีอาการแพ้ คัน ผื่นแดง ควรรีบหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

อบยา

  • ตำรับยาไห่ถงผีทัง(海桐皮汤)
    หลักการรักษา : กระตุ้นการไหลเวียนเลือดสลายเลือดคั่ง ทะลวงเส้นลมปราณระงับปวด(活血散瘀,通络止痛)
    เหมาะสำหรับ : คลายกล้ามเนื้อ ระงับปวด
    วิธีใช้ : อบข้อศอกและแขนท่อนล่างประมาน 15-20 นาที วันละ 1 ครั้ง
    ข้อควรระวัง : หากมีอาการแพ้ คัน ผื่นแดง ควรรีบหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

ข้อควรระวัง

หนึ่งวิธีที่จะช่วยบรรเทาหรือแก้ไขปัญหาการเกิดโรครองช้ำได้นั้น คือ การหยุดกิจกรรมที่ต้องใช้เท้าเป็นเวลานานๆ เช่น การยืนเป็นเวลานาน หากเป็นการเล่นกีฬาควรเลือกกีฬาที่ไม่ต้องลงน้ำหนักที่เท้ามาก เช่นการว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เป็นต้น ในส่วนของรองเท้า ควรเลือกสวมรองเท้าส้นนิ่มขณะออกกำลังกายโดยอาจใช้แผ่นรองเสริมอุ้งเท้า เพื่อลดแรงกระแทกที่ฝ่าเท้าและช่วยกระจายน้ำหนักให้มีความสมดุลสม่ำเสมอของฝ่าเท้า เวลาก่อนออกกำลังกายควรยืดกล้ามเนื้อน่องและยืดพังผืดใต้ฝ่าเท้าเป็นประจำเพื่อให้ผังผืดใต้ฝ่าเท้าไม่เกิดการตึงตัว อีกทั้งควรควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินไปเพราะถ้าน้ำหนักตัวมากจะทำให้ข้อต่อต่างๆต้องรับน้ำหนักมากยิ่งขึ้น



   Credit : https://www.foot-pain-explored.com/plantar-fasciitis-exercises.html

การดูแลตัวเองก่อนเล่นกีฬา

1. หมั่นยืดกล้ามเนื้อน่องทุกวัน เนื่องจากกล้ามเนื้อน่องมีส่วนเกี่ยวข้องกับผังพืด plantar fascia ถ้าเรายืดกล้ามเนื้อน่องเป็นประจำทุกๆวันจะทำให้ความตึงตัวของผังพืดลดน้อยลง และอาการปวดขณะลงนํ้าหนักก้าวแรกก็จะลดลงด้วยเช่นกัน

2.ใส่รองเท้าที่กระชับ นุ่มสบาย 

3.บริหารกล้ามเนื้อเท้า โดยการฝึกขยุ้มนิ้วเท้า

4.ดื่มน้ำมากๆ เพื่อรักษาระดับน้ำในร่างกายไม่ให้ขาดน้ำ เพราะน้ำจะเป็นสารหล่อลื่นบริเวณข้อต่างๆ และช่วยหมุนเวียนระบายความร้อน

5.ก่อนวิ่ง ต้องวอร์มอัพ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง และเอ็นร้อยหวายต้องยืดให้เพียงพอ  เพราะส่วนนี้จะมีผลต่อการเกิดโรครองช้ำได้มาก
 

การดูแลตัวเองหลังเล่นกีฬา

1. หลังจากวิ่งมาราธอนควรแช่เท้าด้วยนํ้าเย็น 10-15 นาที เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดจากการเล่นกีฬา ภายหลังการเล่นกีฬาไปแล้ว 48 ชั่วโมง ควรแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียน ให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว และให้ร่างกายได้ซ่อมแซมบริเวณที่อักเสบให้หายได้เร็วขึ้น

2. หลังจากจบการวิ่งควรยืด คลายกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง และเอ็นร้อยหวาย ซึ่งส่วนนี้จะมีผลต่อการเกิดโรครองช้ำได้มาก

3. บริหารข้อเท้า เช่น ใช้ฝ่าเท้าเหยียบคลึงอุปกรณ์ทรงกระบอกที่มีความแข็งแรง เช่น ท่อ PVC ลูกเทนนิส หรือขวดน้ำพลาสติกขนาดเล็ก เพื่อช่วยยืดเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้า

ท่ากายบริหารสำหรับโรครองช้ำ

1. ผู้ป่วยยืนหันหน้าเข้าหากำแพงใช้มือยันกำแพงไว้ วางเท้าที่ต้องการยืดเอ็นร้อยหวายไว้ข้างหลัง งอข้อศอกพร้อมกับ ย่อเข่าด้านหน้าลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยขาด้านหลังเหยียดตึงและส้นเท้าติดพื้นตลอดเวลา ย่อลงจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึงแล้วค้างไว้นับ 1 – 10 ถือเป็น 1 ครั้ง ทำวันละ 3-5 ครั้ง



Credit : https://www.aecclub.com/healthy/พังผืดใต้ฝ่าเท้า/

2 .ผู้ป่วยนั่งเหยียดขาข้างที่ต้องการยืดเอ็นร้อยหวาย ใช้ผ้าคล้องที่ปลายเท้าไว้ แล้วดึงเข้าหาตัวจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึง ค้างไว้นับ 1 – 10 ถือเป็น 1 ครั้ง ทำวันละ 3-5 ครั้ง



Credits : https://www.aecclub.com/healthy/พังผืดใต้ฝ่าเท้า/

3. ผู้ป่วยยืนบนขอบพื้นต่างระดับ โน้มตัวไปข้างหน้าจนรู้สึกว่าน่องด้านหลังตึง ค้างไว้นับ 1 – 10 ถือเป็น 1 ครั้ง ทำวันละ 3-5 ครั้ง


Credit : https://www.aecclub.com/healthy/พังผืดใต้ฝ่าเท้า/

บทความโดย

แพทย์จีน ชนาธิป ศิริดำรงค์
เลขที่ใบประกอบโรคศิลปะ พจ.1490
คลินิกทุยหนาและกระดูก 

-----------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง

1. กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข.  การฝังเข็ม รมยา เล่ม 1.  กรุงเทพมหานคร : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์การทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์, 2551.

2. กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข.  การฝังเข็ม รมยา เล่ม 3.  นนทบุรี : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2554

3. https://www.vrunvride.com/common-running-injuries-how-to-treat-and-prevent/ 

4. https://citytrailrunners.com/2019/07/24/commonrunnerinjury/

5. https://m.baidu.com/bh/m/detail/vc_16039198734879386793

6. https://www.runnercart.com/blog/69-itbs-iliotibial-band-syndrome-

7. https://www.blockdit.com/posts/5da73a57a0725f5767a466a3

--------------------------------------------------------------------

 สอบถามข้อมูลการดูแลรักษาสุขภาพ
โดยหลักการและวิธีทางตามธรรมชาติ ใช้อินเพื่อเสริมหยาง ใช้หยางเพื่อเสริมอิน ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนแบบผสมผสาน

    LINE OA : @HuachiewTCM

คลินิกหัวเฉียวแพทย์แผนจีน สังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
สถานพยาบาลการแพทย์แผนจีนต้นแบบ และเป็นศูนย์กลางการแพทย์แผนจีนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในประเทศไทย
 


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้