ผื่นกุหลาบหายเองได้จริงหรือ?

ผื่นกุหลาบ (Pityriasis Rosea) 风热疮

               เป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่มีผื่นสีแดงคล้ายสีกุหลาบบนผื่นมีขุยละอียด ในตำราแพทย์แผนจีนมีการบันทึกไว้เรียกว่า “风癣”โรคนี้เริ่มแรกมักขึ้นที่ลำตัวเป็นผื่นนำขนาดใหญ่สีชมพูหรือแดง หลังจากนั้นจะมีผื่นขนาดเล็กกระจายตามลำตัว แขน ขา เป็นรูปกลมหรือรี เรียงตามแนวผิวหนัง มักพบในวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน

สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือติดเชื้อปรสิต ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของเซลล์ในร่างกายอาจมีส่วนกับการเกิดโรค

สาเหตุในมุมมองแพทย์แผนจีนนั้น อาจเกิดจากการทานอาหารรสจัดหรืออารมณ์เครียดเศร้าซึมส่งผลให้เกิดไฟในร่างกาย ส่งผลต่อเลือดสะสมความร้อน หากกระทบกับลม ทั้งลมที่กระทบกับเลือดที่ร้อนก่อเกิดเป็นโรคแสดงอาการที่ผิวหนัง

ทั้งนี้อาจต้องแยกโรคกับโรคอื่นๆที่มีอาจมีลักษณะผื่นใกล้เคียงกัน เช่น กลาก กลื้อน สะเก็ดเงิน เป็นต้น 

อาการแสดง

ผื่นมักขึ้นเยอะบริเวณลำตัวและแขนขาช่วงใกล้ลำตัวทั้งสองข้าง หากเป็นหนักอาจขึ้นกระจายทั่วตัว
มักขึ้นผื่นนำอันแรกเป็นผื่นขนาดใหญ่ 2-3 เซนติเมตร วงรี วงกลมสีแดงอ่อนหรือสีกลีบกุหลาบด้านบนมีขุยละเอียด อาจถูกเรียกว่า “ผื่นนำ” หรือ “ผื่นแม่” หลังผื่นนำขึ้นมาได้1-2 สัปดาห์  จะมีผื่นลักษณะเดียวกันแต่ขนาดเล็กกว่าขึ้นกระจายตามลำตัว แขนขา เรียกว่า “ผื่นตาม” หรือ “ผื่นลูก” เรียงตามแนวผิวหนัง
ผื่นอาจคันเล็กน้อยถึงปานกลาง  อาจมีส่วนน้อยที่มีอาการคันมาก หรือไม่มีอาการคัน
บางรายอาจมีไข้ต่ำ ไม่สบายตัว
ระยะของโรคโดยทั่วไปอยู่ที่ 6-8 สัปดาห์จะหายได้เอง หรืออาจดำเนินยาวนานมากกว่า 6 เดือนเป็นต้นไป หลังหายสนิทแล้วมักไม่เกิดซ้ำ

การรักษา

โรคผื่นกุหลาบเป็นโรคที่มีระยะเวลาจำกัดของโรค การใช้สมุนไพรจีนในการรักษาสามารถบรรเทาอาการคันและทำให้ผื่นหายเร็วขึ้นได้ รวมถึงช่วยให้ระยะเวลาของโรคสั้นลง ในทางแพทย์แผนจีนจะใช้หลักการรักษาด้วยการลดความร้อนขจัดลม เสริมกับการให้ความชุ่มชื้นบำรุงเลือดเพื่อให้ผื่นจางหายเร็วขึ้น

การป้องกันและการดูแล

- ไม่ทานอาหารรสจัด รสเผ็ดร้อน 
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัดหรือน้ำร้อน   
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว

--------------------------------------------------

บทความโดย
แพทย์จีน มนัญญา อนุรักษ์ธนากร  (หมอจีน หวง เหม่ย ชิง)
黄美清 中医师
TCM. Dr. Mananya Anurakthanakorn (Huang Mei Qing)