สาเหตุและกลไกการเกิดโรคอ้วนในศาสตร์การแพทย์แผนจีน

Last updated: 28 ส.ค. 2568  |  125 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สาเหตุและกลไกการเกิดโรคอ้วนในศาสตร์การแพทย์แผนจีน

น้ำหนักตัวของร่างกายมนุษย์ มีส่วนประกอบต่างๆ ได้แก่ กล้ามเนื้อ(skeletal muscle) เนื้อเยื่อไขมัน(adipose tissue) กระดูก(bone) อวัยวะภายใน(visceral organ) และเนื้อเยื่ออื่นๆ สาเหตุหลักของน้ำหนักเพิ่มในผู้ใหญ่ คือ การคั่งของสารน้ำและการเพิ่มขึ้นของเนื้อเยื่อไขมัน มีการสะสมของไขมันที่เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างพลังที่ได้รับและพลังงานที่ใช้  ในศาสตร์การแพทย์แผนจีน โรคอ้วนไม่ใช่แค่ ‘กินมาก – เผาผลาญน้อย’ อย่างเดียว แต่เชื่อมโยงกับการเสียสมดุลของอวัยวะภายใน โดยเฉพาะ ม้าม กระเพาะอาหารและไต ที่ทำหน้าที่ควบคุมการลำเลียงและแปลงอาหาร บทความนี้ได้อธิบายถึงสาเหตุและกลไกของโรคอ้วนไว้ 4 ลักษณะได้แก่ เลือดคั่ง ชี่พร่อง เสมหะและของเหลวคั่ง ความชื้นสะสม โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.เลือดคั่ง (瘀, ยวี): เลือดคั่งอาจเกิดจากภาวะชี่ติดขัด หรืออาจเป็นผลจากเสมหะและความชื้นสะสม นอกจากนี้ การที่มีสารไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งในคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง เรียกว่า “จั๋วจื่อ” (浊脂 - ไขมันขุ่น) ก็อาจทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งได้ ทั้งไขมันคั่งและเลือดคั่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปมาซึ่งกันและกันได้ ในทางนรีเวช ผู้หญิงที่อ้วนและมีบุตรยาก มักเกิดจากไขมันสะสมอุดตันบริเวณมดลูก ทำให้การปฏิสนธิไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังที่ ตำราอีจงจินเจี้ยน ฟู่เคอซินฝ่าเย่าเจวี๋ย《医宗金鉴・妇科心法要诀》 ได้กล่าวไว้ว่า “บางคนมีร่างกายอวบใหญ่ มีเสมหะมาก ไขมันสะสมอุดตันในมดลูก ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้” 


2.ชี่พร่อง (气虚, ชี่ซวี): การสร้างและไหลเวียนของเลือดและของเหลวในร่างกาย รวมถึงการขับถ่าย ล้วนต้องอาศัยพลังของชี่เป็นตัวผลักดันให้เกิดขึ้น เมื่อพลังชี่อ่อนแรงลง การไหลเวียนของเลือดและของเหลวจะช้าลง น้ำไม่สามารถถูกขับออกได้ตามปกติ หากชี่ไม่สามารถให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ เลือดและของเหลวจะไหลเวียนช้าและอาจจับตัวเป็นก้อนเมื่อพบความเย็น นอกจากนี้ หากการทำงานของชี่ในการเปลี่ยนแปลงของเหลวและสารอาหารในร่างกายอ่อนแอ สารอาหารจะไม่สามารถแปรสภาพได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดความชื้นและเสมหะสะสมในร่างกาย เมื่อลักษณะเหล่านี้รวมกัน ก็จะนำไปสู่โรคอ้วน


3.เสมหะและของเหลวคั่ง (痰饮, ถานอิ่น): สือซื่อมี่ลวี่ 《石室秘录》กล่าวว่า “คนอ้วนมักมีเสมหะมาก” เสมหะและของเหลวคั่งมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของปอด ม้าม และไต

 • ปอด: ควบคุมการกระจายของของเหลวในร่างกาย หากปอดไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ ของเหลวจะสะสมกลายเป็นเสมหะ

 • ม้าม: มีหน้าที่แปรรูปน้ำและอาหาร หากม้ามอ่อนแอหรือทำงานผิดปกติ น้ำจะไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติและสะสมเป็นเสมหะ

 • ไต: มีบทบาทในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย หากหยางของไตอ่อนแอ จะไม่สามารถเผาผลาญน้ำได้ น้ำจึงสะสมเป็นเสมหะและของเหลวคั่ง

เมื่อเสมหะและของเหลวคั่งเกิดขึ้น จะทำให้การไหลเวียนของพลังชี่ติดขัด ม้ามไม่สามารถทำหน้าที่เผาผลาญได้ ส่งผลให้ร่างกายบวมและดูอ้วนขึ้น


4.ความชื้นสะสม (水湿, สุ่ยซือ): ความชื้นแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ ความชื้นภายนอก (เกิดจากปัจจัยแวดล้อม เช่น อากาศชื้น) และ ความชื้นภายใน (เกิดจากการบริโภคอาหารมัน ๆ ของหวาน และแอลกอฮอล์) ทั้งสองประเภทสามารถส่งผลต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้เกิดโรคอ้วน

น้ำ เสมหะ และของเหลวคั่ง ล้วนเป็นรูปแบบหนึ่งของความชื้นในร่างกาย ซึ่งมีความข้นเหลวต่างกัน

 • เสมหะ (痰): มีลักษณะเหนียวข้น

 • ของเหลวคั่ง (饮): มีลักษณะใสและเหลว

 • น้ำส่วนเกิน (水): ใสที่สุด

เมื่อของเหลวเหล่านี้สะสมอยู่ในร่างกาย อาจทำให้เกิดภาวะน้ำคั่ง ส่งผลให้เกิดโรคอ้วนประเภทที่เกิดจากการกักเก็บน้ำ (Water Retention Obesity)

ประเภทของโรคอ้วนตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน

 1. โรคอ้วนประเภทพร่อง (虚症肥胖)

อาการ

 • กล้ามเนื้อนิ่มเหลว ผิวขาวนุ่ม

 • พลังชี่พร่อง รู้สึกเหนื่อยล้า

 • หายใจติดขัดง่ายเมื่อต้องเคลื่อนไหว

 • เหงื่อออกง่าย

 • กลัวความหนาว มือเท้าเย็น

 2. โรคอ้วนประเภทแกร่ง (实症肥胖)

อาการ

 • กระหายน้ำและหิวบ่อย กินมาก ดื่มมาก

 • นอนไม่ค่อยหลับ

 • ปากแห้ง ลิ้นแห้ง

 • แน่นท้อง รู้สึกอึดอัดในกระเพาะอาหาร

 • ท้องผูก

 • อาจมีอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คล้ายอาการความดันโลหิตสูงเป็นบางครั้ง

คำแนะนำที่คนไข้สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน (TCM Lifestyle Tips)

1. โภชนาการ (饮食调养)

• กินอาหารอุ่น ๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ข้าวกล้อง ซุปผัก ต้มจืด

• ลดของมัน ของทอด ของหวานจัด ของดิบ–เย็น เช่น น้ำแข็ง ไอศกรีม ชานมเย็น (ทำให้ม้ามยิ่งอ่อนแอและเกิดความชื้นสะสม)

• กินอาหารที่ช่วยขับชื้น เช่น ถั่วแดง , ลูกเดือย , ฟักเขียว , ข้าวบาร์เลย์ 

• กินในปริมาณพอดี ไม่กินมื้อใหญ่เกินไป

2. การใช้ชีวิตประจำวัน (起居养生)

• นอนหลับให้เพียงพอ ไม่ดึกเกินไป เพราะไตและม้ามต้องการการพักฟื้น

• เคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว โยคะ ไทเก็ก เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของชี่และขับความชื้น

• หลีกเลี่ยงการนั่งนาน ขาดการเคลื่อนไหว เพราะ “ชี่ติดขัด → ความชื้นยิ่งสะสม”

3. การดูแลอารมณ์ (情志调养)

• ความเครียด ความกังวลทำให้ “ชี่ตับติดขัด → กระทบม้าม → เกิดความชื้น”

• ฝึกการผ่อนคลาย เช่น หายใจลึก ๆ ทำสมาธิ ฟังเพลงเบา ๆ

ทั้งนี้ พื้นฐานร่างกายโดยกำเนิดก็ส่วนหนึ่ง แต่หากสังเกตดีๆจะพบว่าวิถีชีวิตปัจจุบันนั้นมีส่วนไม่น้อย ความตระหนักรู้ในเรื่องสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจในอาหารแต่ละประเภท กลไกของร่างกายในการแปลงอาหารให้เป็นสารอาหาร พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอหรือช่วงเวลาไม่เหมาะสม การเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อยลง ล้วนส่งผลต่อร่างกายทั้งสิ้น เปรียบเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นคุณภาพการใช้ชีวิต โรคอ้วนสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคข้อเข่าเสื่อม และมะเร็งบางชนิด การรักษาจำเป็นต้องวินิจฉัยแยกแยะลักษณะของร่างกายผู้ป่วย จึงจะสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

_________________________________________________________

บทความโดย
แพทย์จีน กนิษฐา ใจเย็น แสงสกุล (หมอจีน จาง เยว่ ฟาง)
张月芳 中医师
TCM. Dr. Kanittha Jaiyen Saengsakul ( Zhang Yue Fang)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้