กรณีศึกษาการฝังเข็มรักษาอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน

Last updated: 1 ต.ค. 2568  |  159 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กรณีศึกษาการฝังเข็มรักษาอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน

อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (Nocturia) คืออาการที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อปัสสาวะตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป และหลังจากปัสสาวะแล้วสามารถกลับไปนอนหลับต่อได้ โดยทั่วไปแล้วร่างกายของเราจะผลิตปัสสาวะน้อยลงในเวลากลางคืน ทำให้เราสามารถนอนหลับได้ยาวนาน 6-8 ชั่วโมงโดยไม่ต้องตื่นขึ้นกลางดึก แต่หากต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติ โดยเฉพาะตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป[1]  อาจเป็นสัญญาณว่ากำลังมีอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย และสามารถพบบ่อยขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น 

อาการนี้ไม่ใช่แค่เป็นปัญหากวนใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียในเวลากลางวัน ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการหกล้มในผู้สูงอายุ นอกจากนี้การนอนหลับไม่เต็มที่ยังส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ภาวะซึมเศร้า ระบบภูมิคุ้มกัน และการเผาผลาญของร่างกายอีกด้วย 

อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนเกิดจากอะไร?

อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย โรคประจำตัว ไปจนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต[2] โดยสามารถแบ่งสาเหตุหลักๆได้ดังนี้

- เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะจะอ่อนแรงลง ส่งผลให้ปัสสาวะได้ไม่หมด และไตผลิตปัสสาวะมากขึ้นในตอนกลางคืน ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
- โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น การติดเชื้อหรือมีการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะ เนื้องอกที่กระเพาะปัสสาวะหรือต่อมลูกหมาก เป็นต้น
- ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน
- โรคต่อมลูกหมากโต 
- โรคเบาหวานและเบาจืด
- โรคไตและภาวะหัวใจล้มเหลว
- โรคทางระบบประสาทที่ทำให้การควบคุมกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้อหูรูดของท่อปัสสาวะมีปัญหา
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ 
- ปัญหาด้านการนอนหลับ ความเครียดหรือภาวะวิตกกังวล
- ภาวะบวมน้ำที่ขา

การดื่มน้ำมากเกินไปก่อนนอน โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ , การกินอาหารที่มีโซเดียมสูง, การใช้ยาขับปัสสาวะ เพื่อรักษาความดันโลหิตสูงหรือภาวะบวมน้ำ
ในมุมมองของแพทย์แผนจีนอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน มีตำแหน่งหลักของโรคอยู่ที่ไต กระเพาะปัสสาวะ และม้าม ไตมีหน้าที่ในการกำกับน้ำ เมื่อชี่ของไตพร่อง ส่งผลให้การเปิดปิดของกระเพาะปัสสาวะผิดปกติ กระเพาะปัสสาวะไม่สามารถกักเก็บน้ำปัสสาวะได้ จึงทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น มักพบมากในผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือร่างกายอ่อนแอ นอกจากนี้ หากชี่ม้ามพร่อง จะส่งผลให้การแปรสภาพ ลำเลียงน้ำและความชื้นเสียสมดุล จึงเกิดภาวะน้ำและความชื้นตกค้างภายในร่างกาย และนำไปสู่อาการปัสสาวะบ่อยได้เช่นกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มอาการหลักๆ ได้แก่ ไตหยางพร่อง ชี่ม้ามและไตพร่อง กระเพาะปัสสาวะร้อนชื้น และชี่ปอดและม้ามพร่อง

กรณีศึกษาการฝังเข็มรักษาอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน

ข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย

ชื่อ : XXX              

เพศ : หญิง              

อายุ : 34 ปี           

รหัสผู้ป่วย : 029xxx

อุณหภูมิ : 36.9°C  

ชีพจร : 97/min              

ความดันโลหิต : 136/79 mmHg              

น้ำหนัก:  125.2 kg

เข้ารับการรักษาเมื่อ 4 เมษายน 2568

อาการสำคัญ :

ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนเป็นเวลา 1 เดือน

ประวัติการเจ็บป่วย :

ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน(ปัสสาวะทุกๆ1ชั่วโมง) ปัสสาวะมีสีเข้ม ไม่มีอาการปัสสาวะแสบขัด กะปริบกะปรอย หรือกลั้นไม่อยู่ เนื่องจากปัสสาวะบ่อย ทำให้การพักผ่อนไม่เพียงพอ กลางวันรู้สึกอ่อนเพลีย มีความเครียดจากการทำงาน มีอาการท้องอืด ปากขมและเหนียวร่วมด้วย การรับประทานอาหารปกติ การขับถ่ายมีท้องผูกบ้าง  

ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต :
มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน (ทานยาแผนปัจจุบัน)

การตรวจร่างกาย :
ลิ้นแดงมีฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจรลื่นและเร็ว (舌红,苔黄腻,脉滑数)

การวินิจฉัย :
ปัสสาวะบ่อย (小便频数)

กลุ่มอาการ :
กระเพาะปัสสาวะร้อนชื้น (膀胱湿热)

การวิเคราะห์กลุ่มอาการตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน :

ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ ชอบทานน้ำเย็น ของมัน ของทอด และของหวานเป็นประจำ ทำให้เกิดความชื้นสะสมในร่างกาย นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีความเครียดสะสมจากการทำงาน ส่งผลให้การไหลเวียนของชี่ตับเสียสมดุล ไปกดการทำงานของม้าม ซึ่งมีหน้าที่ในการแปรสภาพ ลำเลียงน้ำและความชื้น เมื่อม้ามอ่อนแอลง จะทำให้เกิดความชื้นสะสมมากขึ้น และแปลสภาพเป็นความร้อนชื้นได้ หากความร้อนชื้นเคลื่อนลงสะสมที่เบื้องล่าง จะกระทบต่อการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ จึงเกิดเป็นอาการปัสสาวะบ่อยในเวลากลางคืน 

แนวทางการรักษา :

ระบายความร้อน ขับความชื้น

รักษาด้วยการฝังเข็มสัปดาห์ละ 1ครั้ง จุดฝังเข็มที่ใช้ :

四神聪 (SiShenCong, EX-HN1)           神门 (ShenMen, HT7)              百会(BaiHui, DU20)           

大赫(DaHe, KI12)                          气穴(QiXue, KI13)                     中极(ZhongJi, RN 13)           

足三里(ZhuSanLi, ST36)                  丰隆(FengLong, ST40)             阴陵泉 (YinLingQuan, SP9)           

三阴交(SanYinJiao, SP6)                      复溜 (FuLiu, KI7)                太冲(TaiChong, LR3)           

ผลการรักษา 

หลังการรักษาครั้งที่ 1 (4 เมษายน 2568)

อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนเบาลง ปัสสาวะประมาณคืนละ3-4ครั้ง
หลังจากตื่นมาปัสสาวะหลับต่อง่ายขึ้น

หลังการรักษาครั้งที่ 4 (24 เมษายน 2568) 
- อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนดีขึ้น ปัสสาวะประมาณคืนละ2-3ครั้ง
- นอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอ ระหว่างวันไม่รู้อ่อนเพลีย

หลังการรักษาครั้งที่ 5 (2 พฤษภาคม 2568)
- อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนหายไป ปัสสาวะประมาณคืนละ1-2ครั้ง
- ไม่มีอาการกลับมาอีก หลังผ่านไป 2 เดือน

บทสรุป

อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การทำงาน การดูแลสุขภาพที่ไม่เหมาะสม อายุที่เพิ่มขึ้น หรืออาการเจ็บป่วยเรื้อรัง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ไต กระเพาะปัสสาวะ และม้ามเสียสมดุล การฝังเข็มสามารถช่วยบำรุงไตและม้าม ปรับสมดุลการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงปรับการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการปัสสาวะให้กลับมาเป็นปกติได้ ส่งผลให้อาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืนบรรเทาลง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพที่ชัดเจน ผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาด้วยการฝังเข็มสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ทั้งนี้ ผลและระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และสภาพร่างกายของผู้ป่วย รวมถึงการปรับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเองด้วยเช่นกัน  

เอกสารอ้างอิง

[1]  Hashim H, Blanker MH, Drake MJ, Djurhuus JC, Meijlink J, Morris V, et al. International Continence Society (ICS) report on the terminology for nocturia and nocturnal lower urinary tract function. Neurourol Urodyn 2019;38:499–508.

[2]  วลีรัตน์ เศวตสุทธิพันธ์, แนวทางการวินิจฉัยและรักษาอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน, คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ค้นวันที่ 19 มิถุนายน 2568 จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/tmj/article/view/99516

__________________________________________

บทความโดย
แพทย์จีน ณภัทร คงศิริธุวงศ์ (หมอจีนสวี่ กุ้ย หัว) 
许桂华  中医师
TCM. Dr. Napat Kongsirituwong (Xu Gui Hua) 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้