Last updated: 2 ต.ค. 2568 | 61 จำนวนผู้เข้าชม |
อาการมีเสียงในหูหรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า "ทินไนตัส" (Tinnitus) ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีแหล่งกำเนิดเสียงจากภายนอก อาจมีความสัมพันธ์กับภาวะกระดูกต้นคอเสื่อม (Cervical Spondylosis) โดยเรียกเฉพาะเจาะจงว่า "เสียงในหูจากภาวะทางคอ" (Cervicogenic Tinnitus) ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยหนึ่งของเสียงในหูที่เกิดจากระบบประสาทรับความรู้สึกของร่างกาย (Somatosensory Tinnitus)
ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นจากการที่กระดูกสันหลังส่วนคอที่เสื่อมสภาพไปรบกวนการทำงานของระบบประสาทและหลอดเลือดที่เชื่อมโยงกับระบบการได้ยินในสมอง
กลไกการเกิดเสียงในหูจากกระดูกคอเสื่อม
ภาวะกระดูกต้นคอเสื่อมส่งผลให้เกิดเสียงในหูได้ผ่านหลายกลไกที่ซับซ้อน ดังนี้
การรบกวนระบบประสาท (Neurological Interference) กลไกหลักเกิดจากการส่งสัญญาณข้ามระบบ (Cross-modal Interaction) ระหว่างเส้นประสาทรับความรู้สึกจากคอและเส้นประสาทการได้ยินที่ก้านสมองส่วน Dorsal Cochlear Nucleus (DCN) เมื่อกระดูกคอ ข้อต่อ หรือกล้ามเนื้อเสื่อม จะส่งสัญญาณความรู้สึกผิดเพี้ยนเข้าสู่ DCN อย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์ประสาทไวเกินปกติและแปลผลผิดว่าได้ยินเสียง ทั้งที่ไม่มีสัญญาณเสียงจริงจากหูชั้นใน
การกดทับหลอดเลือด (Vascular Compression) กระดูกคอที่เสื่อมอาจมีกระดูกงอก (Bone Spurs) หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อนไปกดทับหลอดเลือดแดงเวอร์ทีบรัล (Vertebral Artery) ที่วิ่งผ่านช่องกระดูกคอเพื่อไปเลี้ยงสมองส่วนหลังและหูชั้นใน การกดทับนี้อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงระบบการได้ยินไม่เพียงพอและส่งผลให้เกิดเสียงในหูได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการขยับหรือหมุนคอในบางท่า
ความตึงของกล้ามเนื้อ (Muscle Tension) ภาวะกระดูกคอเสื่อมมักทำให้เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่เรื้อรัง ความตึงของกล้ามเนื้อเหล่านี้ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่อยู่ใกล้กับข้อต่อขากรรไกร (Temporomandibular Joint - TMJ) สามารถส่งสัญญาณรบกวนไปยังระบบการได้ยินและทำให้เกิดเสียงในหูได้เช่นกัน
กลไกการเกิดโรคในมุมมองแพทย์แผนจีน
ในแพทย์จีนถือว่า หูเป็นทวารของไต (肾开窍于耳) และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตับ ม้าม และเส้นลมปราณที่ขึ้นสู่ศีรษะ
1. ไตพร่อง (肾虚) ไตเป็นรากฐานของอินและหยางทั้งร่างกาย มีหน้าที่เก็บสารจำเป็น (精) และเปิดทวารที่หู (肾开窍于耳) เมื่อไตพร่องไม่ว่าจะเป็นอินพร่องหรือหยางพร่อง ล้วนทำให้การหล่อเลี้ยงทวารหูลดลง หูจึงเกิดเสียงผิดปกติ
- ไตอินพร่อง ทำให้ไฟภายในกำเริบ (虚火上炎) รบกวนทวารหู
- ไตหยางพร่อง ทำให้พลังชี่อ่อนกำลัง การไหลเวียนและหล่อเลี้ยงหูลดลง
2. ไฟตับกำเริบ (肝火上炎) ตับควบคุมการไหลเวียนของชี่และเก็บเลือด อารมณ์โกรธ เครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ตับชี่ติดขัดและเปลี่ยนเป็นไฟ ไฟตับที่ลุกขึ้นสู่ศีรษะจะรบกวนทวารหูโดยตรง ทำให้เกิดอาการหูมีเสียงเฉียบพลัน เสียงดังชัด และอาจร่วมกับปวดศีรษะหรือหน้าแดง
3. เสมหะ–ความชื้นอุดกั้น (痰湿阻窍) เมื่อการทำงานของม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ การลำเลียงและเปลี่ยนแปลงของเหลวภายในร่างกายผิดปกติ ของเหลวสะสมกลายเป็นเสมหะ (痰湿) ลอยขึ้นสู่ศีรษะและอุดกั้นเส้นลมปราณที่เข้าสู่ทวารหู ส่งผลให้การรับเสียงลดลงหรือเกิดเสียงผิดปกติร่วมกับอาการหูอื้อและเวียนศีรษะ
4. เลือดคั่ง (瘀血阻络) การไหลเวียนเลือดที่ติดขัดไม่ว่าจะเกิดจากการบาดเจ็บ ภาวะชี่และเลือดพร่อง หรือความเสื่อมของโครงสร้างบริเวณต้นคอ ล้วนทำให้เส้นลมปราณและหลอดเลือดรอบหูถูกอุดกั้น การหล่อเลี้ยงทวารหูจึงไม่เพียงพอ เกิดอาการหูมีเสียงเรื้อรังหรือเป็นจังหวะ ร่วมกับอาการปวดหรือชาบริเวณคอและท้ายทอย
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยเสียงในหูที่เกิดจากกระดูกคอเสื่อมต้องอาศัยการซักประวัติอย่างละเอียดโดยแพทย์ โดยเฉพาะประวัติอาการปวดคอ การได้รับอุบัติเหตุบริเวณคอ และลักษณะของเสียงในหูที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว แพทย์อาจทำการตรวจร่างกายเพื่อหาจุดกดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อคอและประเมินการเคลื่อนไหวของกระดูกคอ ในบางรายอาจมีการตรวจเพิ่มเติมด้วยภาพถ่ายรังสี (X-ray) หรือ MRI เพื่อดูความเสื่อมของกระดูกคอ
แนวทางการดูแลตัวเอง
- การกดจุดและนวดทุยหนา บริเวณรอบหู คอ และท้ายทอย เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนเลือด
- การใช้ความร้อน เช่น ประคบอุ่นบริเวณท้ายทอย คอ และรอบ ๆหู วันละ 15-20 นาที
- การปรับวิถีชีวิต ได้แก่ การพักผ่อนเพียงพอ ลดการฟังเสียงดังนานๆ ควบคุมอารมณ์ และรับประทานอาหารตามหลักสมดุลของแพทย์จีน|
________________________________________
บทความโดย
แพทย์จีน กรกฎ คุณโฑ (โจว เฉิง)
周承 中医师
TCM. Dr. Koraghod Khuntho (Zhou Cheng)