Last updated: 26 ส.ค. 2568 | 143 จำนวนผู้เข้าชม |
ปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้นทำให้ปัญหาด้านสุขภาพต่างๆตามมาอย่างมาก หนึ่งในปัญหาที่สำคัญคือปัญหาเรื่องความจำของผู้สูงอายุ ความจำระยะสั้น ของผู้สูงอายุจะค่อยๆลดลง การสื่อสารพูดคุยกับผู้สูงอายุนอกจากปัญหาช่องว่างระหว่างวัยแล้ว ปัญหาด้านอารมณ์ของผู้สูงอายุก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การพูดคุยกับผู้สูงอายุเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม หรือเริ่มมีอาการของภาวะสมองเสื่อม เนื่องจากการตอบสนอง ความสนใจ สมาธิ และความจำเริ่มมีความบกพร่องลง ส่งผลให้ทั้งพฤติกรรม บุคลิกภาพ และการดูแลตัวเองของผู้สูงอายุลดน้อยลง การกระตุ้นสมองให้ทำงานเรื่อยๆและพักผ่อนอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้อาการสมองเสื่อมนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ การพูดคุยก็เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้ใช้สมองในการคิดตอบและสื่อสารกับผู้อื่นได้
ในทางการแพทย์แผนจีน หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมหรือ “ซือไต” 痴呆 คือ ปัจจัยด้านอารมณ์
กลไกการเกิดโรค เช่น การแปรปรวนของอารมณ์ เช่น อารมณ์โกรธ โมโห ขุ่นเคืองสะสม ไม่ได้ระบายออก อารมณ์หวาดกลัวตกใจมากจนเกินไป การคิดมากกังวล ทำให้ การบาดเจ็บทางอารมณ์ ทำให้ชี่ติดขัด เลือดไม่ไหลเวียนเกิดเป็นเสมหะเลือดคั่งอุดกั้นทวารสมอง เกิดเป็นภาวะสมองเสื่อม ในที่สุด (情志损伤,气郁血滞 ,瘀阻清窍,久必酿成神情痴呆之患。)
การที่ผู้สูงอายุอยู่กับตัวเองนานๆ ขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น จะยิ่งทำให้อารมณ์ไม่ได้ถูกระบายออก ผู้สูงอายุอาจมีการพูดลดลง มีอาการคิดมากหรือ ทำให้เกิดภาวะวิตกกังวลในผู้สูงอายุได้
เทคนิคในการสื่อสารกับผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม
-ดึงความสนใจ ก่อนที่จะเริ่มสื่อสาร เรียกชื่อ และดูการตอบสนองให้ผู้สูงอายุสบตา หันหน้าเข้าหา ก่อนที่จะเริ่มการสนทนา การตอบสนองอาจใช้เวลานานในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ต้องมีความอดทนและให้เวลาในการตอบสนองของผู้สูงอายุ
-เสียงดังพอเหมาะ น้ำเสียงนิ่มนวลผ่อนคลาย การสื่อสารควรเป็นประโยคสั้นๆ เข้าใจง่าย เลี่ยงการสื่อสารกับผู้สูงอายุเหมือนผู้สูงอายุเป็นเด็ก และเลี่ยงการพูดถึงผู้สูงอายุเสมือนเขาไม่ได้อยู่
-ในกรณีที่ผู้ป่วยพูดต่อเนื่องยาวๆ ควรปล่อยให้พูดก่อน ดูจังหวะหากเรื่องที่พูดต่อเนื่องเริ่มไม่เกี่ยวข้องและยาวเกินไป ให้ลองเรียกชื่ออีกครั้งให้ผู้สุงอายุสนใจก่อนและ พยายามสรุปเนื้อหาทวนเป็นข้อสำคัญให้ เพื่อให้เห็นว่ากำลังสนใจในสิ่งที่กำลังสื่อสาร ไม่ควรจะขัดทันที
-ลดเสียงรบกวนรอบข้างลง เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายจะไวกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าอื่นๆรอบตัว เพื่อให้สามารถสื่อสารได้ง่าย ไม่ขัดสมาธิ จึงควรลดเสียงรบกวนรอบข้างหรือสิ่งที่จะสามารถดึงดูดความสนใจผู้สูงอายุไปได้
-การทวนความ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อสรุปสิ่งที่ต้องการสื่อสารกันกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะหากเป็นสิ่งจำเป็นเช่น การรับประทานยา อาจต้องมีการทวนซ้ำว่าต้องรับประทานตัวไหนบ้าง ตอนเวลาไหน
-ตัดทอนขั้นตอนการทำกิจวัตรต่างๆลงให้ง่าย เช่น การวางกระปุกยาไว้ในตำแหน่งเดิม จัดชุดยาให้สามารถรับประทานได้ง่าย
-ลดตัวเลือก ควรมีตัวเลือก 2 - 3 ตัวเลือก เพื่อให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีิอิสระที่จะเลือกทำเอง หากตัวเลือกเยอะเกินไปจะทำให้ผู้สูงอายุสับสนและจะไม่อยากเลือก รวมถึงการกระทำบางอย่างผู้สูงอายุทำกับครอบครัวหรือคนดูแลเฉพาะบางคนเท่านั้น อย่าบังคับให้ทำการกระทำนั้น เช่นการส่งจูบ การกอด
การสื่อสารกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมเป็นวิธีหนึ่งในการกระตุ้นสมองที่ดี ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าและได้รับความรัก รวมถึงเป็นการกระตุ้นทักษะการเข้าสังคม ครอบครัวหรือคนดูแลควรสนทนาโต้ตอบกับผู้สูงอายุมากเท่าที่ทำได้ ตามระดับการตอบสนองของผู้สูงอายุ
อ้างอิง
Hilltop Dementia Training Manual A caregiving Tool for Families & Professionals Revised 2015
陈湘君主编,中医内科学,第二版,上海科学技术出版社,2013.6
---------------------------------
แพทย์จีน ธิติ นิลรุ่งรัตนา (หลิน เจีย เฉิง)
林嘉诚 中医师
TCM. Dr. Thiti Nilrungratana (Lin Jia Cheng)
คลินิกการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน หัวเฉียว
แผนกศูนย์ฟื้นฟูอัมพฤกษ์อัมพาตและโรคทางระบบประสาท