สารพันคำถามโรคมะเร็ง

Last updated: 10 ต.ค. 2566  |  30639 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สารพันคำถามโรคมะเร็ง

ปัจจัยใดที่กระตุ้นทำให้เกิดโรคมะเร็ง ?
ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นตัวกระตุ้นได้แก่ การได้รับรังสีสารเคมี  มีพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะหรือไม่ถูกต้อง  ปัจจัยทางพันธุกรรม  การดำเนินชีวิต และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่และสังคมรอบๆตัวเรา การติดเชื้อบางชนิด ความเครียด ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้กระตุ้นให้เซลล์เกิดความผิดปกติและกลายไปเป็นมะเร็งในที่สุด


มะเร็งถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือการติดเชื้อได้หรือไม่ ?
มะเร็งเกิดจากการที่เซลล์ปกติพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ที่ผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ส่วนใหญ่มักจะเจอในเด็กที่เกิดมาแล้วเป็นมะเร็งตั้งแต่ยังเด็ก หรืออีกประเภทหนึ่งมีคนในครอบครัวเป็นก็อาจจะมีโอกาสเป็นได้มากกว่าคนอื่น แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยเสี่ยงเป็นตัวกระตุ้น มะเร็งนั้นไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เชื้อโรคบางชนิดที่ติดต่อทางพันธุกรรม ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งได้ อาทิ เชื้อไวรัสตับอักเสบ บีและซี ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคตับแข็งและมะเร็งตับ


มะเร็งกระจายไปตามส่วนต่างๆในร่างกายด้วยวิธีใดบ้าง ?
มะเร็งจะกระจายและแผ่ขยายด้วย 4 เส้นทาง คือ
1. การแผ่ขยายอนาเขตในบริเวณข้างเคียง
2. อาศัยระบบนํ้าเหลืองพาไป
3. อาศัยเส้นเลือดส่งผ่านไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
4. การปลูกถ่ายอวัยวะ


ระบบภูมิต้านทานโรคเกี่ยวข้องอย่างไรกับมะเร็ง ?
ในร่างกายของมนุษย์ทุกคนมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่สิ่งที่คอยกำจัดเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นนั้นคือระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเรานั่นเอง หากเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ร่างกายแข็งแรงก็ยากที่เซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตขึ้นมาได้ แต่หากเราร่างกายอ่อนแอภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ทัน หรือมีปัจจัยจากภายนอกเข้ามากระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเกิดมากขึ้นจนเกินความสามารถในการกำจัดเซลล์มะเร็งของร่างกาย ร่างกายก็จะเกิดมะเร็งขึ้นมาได้


เซลล์มะเร็งที่เจริญเติบโตจนถึงระดับหนึ่งมักจะสร้างสารต่างๆออกมาทำให้ระบบภูมิคุ้มกันหรือระบบต้านทานโรคของเราผิดปกติ และทำให้เราเกิดอาการผิดปกติต่างๆเช่นไม่อยากอาหาร นอนไม่หลับ น้ำหนักลดเป็นต้น นอกจากนี้ ในคนปกติถ้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานหนัก ภาวะเครียดต่างๆก็ส่งผลให้ระบบภูมิต้านทานโรคต่ำลงทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ง่าย


สัญญาณเตือนที่เราต้องให้ความใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ?
ส่วนใหญ่โดยมากมักจะไม่ค่อยสังเกตุอาการ เนื่องจากอาการในช่วงแรกของผู้ป่วยมะเร็งจะไม่ค่อยแสดงอาการ เมื่อเป็นมากถึงจะไปพบแพทย์แต่ก็สายไป ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการเมื่อมีความผิดปกติ เช่น อยู่ๆน้ำหนักลดมากจนผิดสังเกตโดยไม่รู้สาเหตุ เบื่ออาหาร  กลืนลำบาก ย่อยไม่ค่อยดี  คลำเจอก้อนแข็งตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น  เต้านม ใต้รักแร้ คอ เป็นต้น  หรือมีเลือดออกผิดปกติ ไอแห้งเรื้อรังอาจมีเสมหะปนเลือด เป็นต้น เมื่อพบอาการผิดปกติควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่เนิ่นๆ


ทำไมคนเป็นมะเร็งน้ำหนักลดลงอย่างฮวบฮาบ ?
เนื่องจากเซลล์มะเร็งจะสร้างสารขึ้นแล้วทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานผิดปกติ อีกทั้งอาจเกิดการที่ก้อนมะเร็งที่เกิดขึ้นอาจไปขัดขวางทางเดินอวัยวะทำงานผิดปกติ ส่งผลทำให้ผู้ป่วยกินไม่ลง หรือกลืนลำบาก เบื่ออาหาร ร่างกายจึงขาดการหล่อเลี้ยงบำรุง และน้ำหนักลงลดในที่สุด


มีวิธีป้องกันการเกิดมะเร็งหรือไม่ ?
สามารถป้องกันได้ถ้าเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องทั้งอาหาร การกิน การเป็นอยู่ กินอาหารที่มีประโยชน์ใหม่และสดเน้นผักผลไม้ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ รู้จักผ่อนคลายจิตใจอารมณ์  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 


การแพทย์แผนจีนรักษามะเร็งอย่างไร ?
แพทย์แผนจีนรักษาโดยคำนึงถึงสภาพร่างกายแบบองค์รวม เน้นปรับสมดุลร่างกาย แพทย์จีนคิดว่ามะเร็งเกิดจากการที่ร่างกายอ่อนแอ ทำให้ปัจจัยภายนอกกระทบสู่ภายใน ทำให้เกิดมีเสมหะ ความชื้น พิษ ทำให้เลือดลมติดขัดอุดกั้น จนก่อตัวเป็นมะเร็งในที่สุด โดยในการรักษาจะใช้ยาสมุนไพรจีนเป็นวิธีหลัก เพื่อสลายเสมหะ ขจัดความชื้น ขจัดพิษ สลายเลือดคั่ง และปรับการทำงานของอวัยวะต่างๆให้เป็นปกติ  โดยคำนึงถึง “คุณภาพชีวิตและจิตใจ” “การอยู่ร่วมกันกับมะเร็งอย่างเป็นสุข” “การยืดชีวิตให้ยืนยาว” เป็นสำคัญ  


รักษามะเร็งด้วยแผนปัจจุบันร่วมกับแผนจีนได้หรือไม่ ?
ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนไปพร้อมๆกับแผนปัจจุบันได้จะช่วยลดผลข้างเคียงจากการผ่าตัด คีโม ฉายรังสี ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีกด้วย   ซึ่งในการรักษาแต่ละขั้นตอนนั้นการใช้สมุนไพรจีนรักษาไม่เหมือนกันโดยช่วงก่อนและหลังการรักษาจะเน้นการเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ต้านมะเร็งเป็นสำคัญ  ส่วนในช่วงหลังผ่าตัดจะให้สำคัญกับการบำรุงเลือดและชี่สลายเลือดคั่งเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย   ช่วงที่ทำคีโมเน้นปรับสมดุลการทำงานของระบบย่อย  ลดอาการข้างเคียงและฟื้นฟูร่างกายเป็นหลัก  ช่วงที่ฉายแสงเน้นเสริมอินระบายความร้อน เพิ่มสารน้ำเพื่อลดอาการข้างเคียงและฟื้นฟูร่างกาย    


แพทย์แผนจีนสามารถตรวจแล้วรู้ว่าเป็นมะเร็งได้หรือไม่ ?
หลายคนมักมีคำถามว่าแมะแล้วรู้ได้หรือไม่ว่าเป็นมะเร็ง คำตอบคือไม่สามารถบอกได้แน่ชัด แต่สามารถบอกได้ถึงการทำงานของอวัยวะใดบ้างที่ผิดปกติ เลือดและลมปราณไหลเวียนเป็นปกติหรือไม่อย่างใด นั่นคืออาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการที่ร่างกายเป็นไม่ปกติเท่านั้น แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่ดูแลสุขภาพก็อาจจะพัฒนากลายเป็นโรคร้ายต่างๆได้  ซึ่งในการจะบอกว่าเป็นมะเร็งหรือไม่นั้นอาจจะต้องมีข้อมูลประกอบอื่นๆด้วยเช่นอาการสำคัญ หรือในทางที่ดีถ้ามีอาการบงชี้ผิดปกติควรจะไปตรวจด้วยการแพทย์แผนปัจจจุบันร่วมด้วยจะดีที่สุด


เป็นมะเร็งแล้วรักษาแต่แผนจีนอย่างเดียวเลยได้หรือไม่ ?
การรักษาโรคมะเร็งในทางที่ดีควรจะรักษาไปควบคู่กันกับแผนปัจจุบันจะได้ผลการรักษาที่ดีกว่าใช้แผนจีนรักษาอย่างเดียว   แต่สำหรับในผู้ป่วยที่สูงอายุหรือร่างกายอ่อนแอมากจนไม่สามารถรักษาด้วยแผนปัจจุบันได้  สามารถรับการแพทย์แผนจีนอย่างเดียวได้เพื่อประคับคองอาการ บรรเทาอาการและความเจ็บปวดต่างๆ ยกระดับคุณภาพชีวิต ยืดชีวิตให้ยืนยาว


ทำไมผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเป็นมะเร็ง
จึงต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ ?  

มะเร็งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม บางครั้งเราอาจละเลยไป  ประกอบกับสภาพสังคมที่เร่งรีบเคร่งเครียดในปัจจุบัน  ซึ่งสิ่งเหล่านี้สั่งสมเป็นเวลานานทำให้สภาพร่างกายแปรเปลี่ยนไปจนทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาในที่สุดไม่เว้นแม้แต่มะเร็ง ดังนั้นเราทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นมะเร็งอยู่หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต้องสัมผัสใกล้ชิดกับสารเคมีรังสีหรือมีประวัติโรคทางกรรมพันธุ์ จึงควรอย่างยิ่งที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ เพื่อให้อวัยวะร่างกายทำงานเป็นปกติดีขึ้น  ไม่ควรรอให้ป่วยก่อนแล้วถึงปรับพฤติกรรมซึ่งนั่นอาจมะไม่ทันการเสียแล้ว


สภาพอารมณ์และจิตใจมีความสำคัญต่อผู้ป่วยมะเร็งอย่างไร ?
ในทางการแพทย์แผนจีนกล่าวไว้ว่า อารมณ์เป็นบ่อเกิดแห่งโรคต่างๆ  อารมณ์ที่แปรปรวนเช่นหงุดหงิดโมโห เศร้าโศรก เก็บกดครุ่นคิดมากเกินไปทำให้เกิดโรคได้ สำหรับในผู้ป่วยมะเร็งยิ่งถ้ามีอารมณ์เครียดสะสม เศร้าโศรกเสียใจมากเกินไปจะยิ่งทำให้ภูมิคุ้มกันโรคอ่อนแอลง เป็นผลให้โรคร้ายโจมตีได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้นเราควรผ่อนคลายจิตใจ ปล่อยวาง หากิจกรรมที่ชอบทำบ้างเช่นเดินเล่น เดินออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ ร้องเพลง  เต้นรำ เพื่อช่วยผ่อนคลายอารมณ์ได้ การหลีกเลี่ยงภาวะความเครียดอาจจะยากแต่เราสามารถลดหรือคลายความเครียดได้


ผู้ป่วยมะเร็งหลังการรักษา ทำไมจึงต้องตรวจร่างกายซ้ำบ่อยๆเป็นระยะๆ ?
การรักษาผู้ป่วยมะเร็งค่อนข้างยาวนาน และถึงแม้จะเป็นแค่ระยะแรกเริ่มผ่านการรักษาผ่าตัด หรือผู้ที่ผ่านการคีโมฉายแสงไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังต้องระวังเพราะมีโอกาสที่ยังมีเซลล์มะเร็งหลงเหลือทำให้กลับขึ้นมาเป็นมะเร็งได้อีก ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังเป็นระยะในช่วงแรกอาจจะทุก3เดือน หรืออย่างน้อยครึ่งปี ช่วงหลังอาจจะตรวจปีละครั้ง เพื่อจะได้ติดตามอาการและรักษาได้ทันท่วงที  ซึ่งการตรวจร่างกายพื้นฐานได้แก่ การตรวจเลือดทั่วไป การตรวจอุจจาระ-ปัสสาวะ  การตรวจค่ามะเร็ง การตรวจx-ray / CT / ultrasound เป็นต้น


ผู้ป่วยมะเร็งทานอาหารอะไรได้บ้าง ?
ผู้ป่วยมะเร็งอันดับแรกต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารซะก่อน แน่นอนเลยควรหลีกเลี่ยงพวกอาหารหมักดอง ปิ้งย่าง ทอดๆมันๆ ของเย็นๆ หลีกเลี่ยงพวกเนื้อแดง ควรทานผักผลไม้ให้หลากหลาย เนื้อสัตว์ควรเลือกทานพวกเนื้อปลา หรือเนื้อหมูได้แต่ไม่เอาที่ติดมัน  สำหรับไก่ และมะพร้าวในผู้ป่วยมะเร็งที่มดลูก หรือเต้านมไม่ควรทานมากเกินไป ทั้งนี้อาจต้องให้แพทย์ที่ให้การรักษาแนะนำเพราะว่าแต่ละคนอาจมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไปด้วย


ผู้ป่วยมะเร็งทานอาหารเสริมต่างๆได้หรือไม่ ?
ผู้ป่วยมะเร็งถ้าหากทานอาหารได้ควรเลือกทานอาหารจากธรรมชาติปรุงสดๆใหม่จะดีที่สุด แต่เนื่องจากผู้ป่วยบางคนที่ทานอาหารไม่ค่อยได้ หรือมีภาวะขาดสารอาหาร อาจเลือกรับประมาณอาหารเสริมต่างๆได้ตามความเหมาะสมหรือตามคำแนะนำของแพทย์ และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ ในทางที่ดีควรศึกษาให้ละเอียดก่อนซื้อหรือรับประทาน


ผู้ป่วยมะเร็งช่วงที่ฟื้นฟูร่างกาย สามารถออกกำลังกายได้ไหม ?
การมีชีวิตที่ดีควรหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอและเหมาะสมสำหรับแต่ละคน เช่น วิ่งจ๊อกกิ้งหรือเดินออกกำลังกาย  รำชี่กงไทเก็ก  เป็นต้น  เนื่องจากสภาพร่างกายและโรคของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  เช่นผู้ป่วยที่เกี่ยวกับปอดหลังการผ่าตัดหรือรักษาไม่ควรไปเดินปีนเขา ว่ายน้ำเพราะอาจทำให้อาการกำเริบได้  การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคแข็งแรงมากขึ้น นอนหลับสบายและเพิ่มความอยากอาหารได้ แต่ไม่ควรออกกำลังหนักหรือเหนื่อยจนเกินกำลัง   


ทานยาจีนบำรุงร่างกายจะเป็นการไปบำรุงก้อนมะเร็งหรือไม่?
สรรพคุณบำรุงของยาสมุนไพรจีนนั้นจะไปเพิ่มความสามารถในการต้านทานโรคของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเรา เมื่อระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพก็ยากที่ก้อนมะเร็งจะเจริญเติบโตขึ้นมาได้ ด้วยรูปแบบทางสรีระของก้อนมะเร็งที่ไม่เหมาะสมทำให้ก้อนมะเร็งไม่สามารถนำเอาสรรพคุณบำรุงของยาจีนมาใช้ในการเจริญเติบโตได้


หากผู้ป่วยมะเร็งมีอาการปวดเมื่อย ห้ามนวดจริงหรือไม่?
เป็นความจริง เนื่องจากมะเร็งหลายชนิดอาทิ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มักมีการกระจายไปตามกระดูกส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้มีอาการปวดเมื่อย เช่น ปวดหลัง ปวดหัวไหล่ ปวดขาแขน เป็นต้น โดยหากมะเร็งได้กระจายไปที่กระดูกแล้ว กระดูกส่วนนั้นๆจะมีความเปราะบางอย่างมาก จึงไม่ควรนวดหรือกดคลึงในบริเวณดังกล่าวเพราะจะทำให้กระดูกหักได้


ผู้ป่วยมะเร็งสามารถฝังเข็มรักษาได้หรือไม่ ?
แนวทางหลักในการรักษาโรคมะเร็งด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนนั้น จะเน้นการใช้ยาสมุนไพรจีนเป็นการรักษาหลัก สำหรับการฝังเข็มสามารถใช้เป็นวิธีเสริมได้บางกรณี  โดยสามารถช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน เช่น ผลข้างเคียงจากคีโม เหนื่อยอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ การขับถ่ายผิดปกติ เป็นต้น หรือช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดจากมะเร็งต่างๆ


บทความโดย แพทย์จีน อรกช มหาดิลกรัตน์
คลินิกอายุรกรรมโรคมะเร็ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้